逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - มีเวลาร้องไห้และมีเวลาหัวเราะ มีเวลาไว้ทุกข์และมีเวลาเต้นรำ
- 新标点和合本 - 哭有时,笑有时; 哀恸有时,跳舞有时;
- 和合本2010(上帝版-简体) - 哭有时,笑有时; 哀恸有时,跳舞有时;
- 和合本2010(神版-简体) - 哭有时,笑有时; 哀恸有时,跳舞有时;
- 当代译本 - 哭泣有时,欢笑有时; 哀伤有时,雀跃有时;
- 圣经新译本 - 哭有时,笑有时; 哀恸有时,踊跃有时;
- 中文标准译本 - 哭泣有时,欢笑有时; 哀哭有时,欢跃有时;
- 现代标点和合本 - 哭有时,笑有时。 哀恸有时,跳舞有时。
- 和合本(拼音版) - 哭有时,笑有时; 哀恸有时,跳舞有时;
- New International Version - a time to weep and a time to laugh, a time to mourn and a time to dance,
- New International Reader's Version - There is a time to weep. And there’s a time to laugh. There is a time to be sad. And there’s a time to dance.
- English Standard Version - a time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance;
- New Living Translation - A time to cry and a time to laugh. A time to grieve and a time to dance.
- Christian Standard Bible - a time to weep and a time to laugh; a time to mourn and a time to dance;
- New American Standard Bible - A time to weep and a time to laugh; A time to mourn and a time to dance.
- New King James Version - A time to weep, And a time to laugh; A time to mourn, And a time to dance;
- Amplified Bible - A time to weep and a time to laugh; A time to mourn and a time to dance.
- American Standard Version - a time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance;
- King James Version - A time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance;
- New English Translation - A time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance.
- World English Bible - a time to weep, and a time to laugh; a time to mourn, and a time to dance;
- 新標點和合本 - 哭有時,笑有時; 哀慟有時,跳舞有時;
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 哭有時,笑有時; 哀慟有時,跳舞有時;
- 和合本2010(神版-繁體) - 哭有時,笑有時; 哀慟有時,跳舞有時;
- 當代譯本 - 哭泣有時,歡笑有時; 哀傷有時,雀躍有時;
- 聖經新譯本 - 哭有時,笑有時; 哀慟有時,踴躍有時;
- 呂振中譯本 - 哭有時,笑有時; 舉哀有時,踴躍有時;
- 中文標準譯本 - 哭泣有時,歡笑有時; 哀哭有時,歡躍有時;
- 現代標點和合本 - 哭有時,笑有時。 哀慟有時,跳舞有時。
- 文理和合譯本 - 哭有其時、笑有其時、哀有其時、舞有其時、
- 文理委辦譯本 - 有時可哭、有時可笑、有時可哀、有時可躍、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 哭有時、笑有時、哀有時、躍有時、
- Nueva Versión Internacional - un tiempo para llorar, y un tiempo para reír; un tiempo para estar de luto, y un tiempo para saltar de gusto;
- 현대인의 성경 - 울 때와 웃을 때, 슬퍼할 때와 춤출 때,
- Новый Русский Перевод - время плакать и время смеяться; время скорбеть и время танцевать;
- Восточный перевод - время плакать и время смеяться; время скорбеть и время танцевать;
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - время плакать и время смеяться; время скорбеть и время танцевать;
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - время плакать и время смеяться; время скорбеть и время танцевать;
- La Bible du Semeur 2015 - Il y a aussi un temps pour pleurer et un temps pour rire, un temps pour se lamenter et un temps pour danser,
- リビングバイブル - 泣く時、笑う時、悲しむ時、踊る時、
- Nova Versão Internacional - tempo de chorar e tempo de rir, tempo de prantear e tempo de dançar,
- Hoffnung für alle - Weinen und Lachen, Klagen und Tanzen,
- Kinh Thánh Hiện Đại - Có lúc khóc, có lúc cười. Có lúc đau buồn, có lúc nhảy nhót.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - เวลาร้องไห้ เวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ เวลาเต้นรำ
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เวลาร้องไห้และเวลาหัวเราะ เวลาร้องคร่ำครวญและเวลาเต้นรำ
- Thai KJV - มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ
交叉引用
- ลูกา 6:21 - พวกคุณที่อดอยากหิวโหยตอนนี้ ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ เพราะพระเจ้าจะทำให้คุณอิ่มหนำสำราญ พวกคุณที่ร้องไห้เสียใจ ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ เพราะพระเจ้าจะทำให้คุณหัวเราะอย่างมีความสุข
- ลูกา 6:22 - ให้ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆเมื่อคนเกลียดคุณ ขับไล่คุณ ดูถูกคุณและกล่าวหาว่าคุณเป็นคนเลว เพราะคุณติดตามบุตรมนุษย์
- ลูกา 6:23 - ในวันนั้นขอให้ดีใจและกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข เพราะพระเจ้าเก็บรางวัลอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับพวกคุณแล้วที่สวรรค์ อย่าลืมว่า แต่ก่อนบรรพบุรุษของพวกเขาก็ทำแบบนี้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนกัน
- ลูกา 6:24 - น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่ร่ำรวย เพราะพวกคุณได้รับความสะดวกสบายจนครบแล้ว
- ลูกา 6:25 - น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่อิ่มหนำสำราญตอนนี้ เพราะคุณจะอดอยาก น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่กำลังหัวเราะในตอนนี้ เพราะคุณจะต้องเป็นทุกข์และร้องไห้
- ลูกา 1:13 - แต่ทูตสวรรค์นั้นบอกว่า “ไม่ต้องกลัว เศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำร้องขอของเจ้าแล้ว เอลีซาเบธเมียของเจ้าจะมีลูกชาย ให้ตั้งชื่อเขาว่ายอห์น
- ลูกา 1:14 - เขาจะนำความสุขความยินดีมาให้เจ้า และคนมากมายจะดีใจเมื่อเขาเกิดมา
- เนหะมียาห์ 8:9 - เนหะมียาห์ ผู้เป็นเจ้าเมือง และเอสรา ผู้เป็นทั้งนักบวชและอาจารย์ รวมทั้งชาวเลวีทั้งหลายที่ช่วยสั่งสอนประชาชน ต่างพากันพูดกับทุกคนว่า “วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกท่าน ดังนั้นอย่าเศร้าโศกและร้องไห้เลย” เพราะประชาชนทุกคนกำลังร้องไห้ในขณะที่ฟังกฎบัญญัตินั้น
- เนหะมียาห์ 8:10 - เอสราพูดกับพวกเขาว่า “ไปกินอาหารที่เอร็ดอร่อย และดื่มเหล้าองุ่นรสหวาน และส่งบางส่วนไปให้กับคนที่ไม่สามารถเตรียมของพวกนี้ เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ของเรา อย่าได้เศร้าโศกเลย เพราะความชื่นชมยินดีที่พวกท่านมีในพระยาห์เวห์นั้น เป็นพละกำลังของพวกท่าน”
- เนหะมียาห์ 8:11 - พวกชาวเลวีทำให้ประชาชนสงบเงียบลง โดยพูดว่า “เลิกร้องไห้เถอะ เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ อย่าเศร้าโศกเลย”
- เนหะมียาห์ 8:12 - หลังจากนั้นประชาชนทุกคนก็จากไป ไปกินและดื่มกัน และส่งอาหารบางส่วนไปให้กับคนที่อื่น พวกเขาเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเขาเข้าใจในถ้อยคำที่ชาวเลวีได้อ่านให้พวกเขาฟังนั้น
- ปฐมกาล 21:6 - ซาราห์พูดว่า “พระเจ้าทำให้ฉันหัวเราะดีใจ ทุกๆคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะหัวเราะดีใจกับฉัน”
- สดุดี 126:1 - เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้ศิโยนเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม พวกเราคิดว่าเราฝันไป
- สดุดี 126:2 - ตอนนั้นพวกเรามีความสุขมากและโห่ร้องด้วยความยินดี แม้แต่คนต่างชาติก็ยังพูดว่า “พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนพวกนี้”
- อิสยาห์ 22:12 - ในวันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเรียกให้คนร้องไห้และโศกเศร้า เรียกให้คนโกนหัวและใส่เสื้อผ้ากระสอบไว้ทุกข์
- อิสยาห์ 22:13 - แต่ดูสิ ผู้คนกลับจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ฆ่าวัวฆ่าแกะ กินเนื้อและดื่มเหล้าองุ่นกันอย่างสนุกสนาน และพูดกันว่า “พวกเรามากินและดื่มกันเถอะ เพราะพรุ่งนี้เราก็จะตายกันแล้ว”
- มัทธิว 11:17 - ‘เราเป่าปี่ให้ฟัง แต่เธอก็ไม่เต้นตาม เราร้องเพลงงานศพให้ แต่เธอก็ไม่ทำตัวเศร้าโศก’
- มัทธิว 9:15 - พระเยซูตอบว่า “จะให้เพื่อนเจ้าบ่าวโศกเศร้าได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่ แต่เมื่อถึงวันนั้นที่เจ้าบ่าวถูกพรากไปจากพวกเขา แล้วเมื่อนั้นพวกเขาจะอดอาหาร”
- เนหะมียาห์ 9:1 - ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้ ประชาชนชาวอิสราเอลมารวมตัวกันเพื่ออดอาหาร พวกเขาใส่ชุดผ้ากระสอบ และเอาดินโรยหัวของพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:2 - บรรดาลูกหลานของอิสราเอล ได้แยกตัวเองออกมาจากคนต่างชาติทั้งปวง พวกเขายืนและสารภาพบาปของพวกเขา รวมทั้งสารภาพความชั่วช้าที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทำไป
- เนหะมียาห์ 9:3 - พวกเขายืนในที่ของตน และฟังคนอ่านหนังสือกฎบัญญัติของพระเจ้าของพวกเขาเป็นเวลาสามชั่วโมง และอีกสามชั่วโมง พวกเขาใช้สารภาพและนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:4 - แล้วเยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานี และเคนานี ต่างก็ยืนอยู่บนบันไดสำหรับพวกเลวี และ พวกเขาร้องด้วยเสียงดังต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:5 - แล้วเลวีพวกนี้ คือเยชูอา ขัดมีเอล บานี ฮาชับเนยาห์ เชเรบิยาห์ โฮดียาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ ได้พูดขึ้นว่า “ลุกขึ้น และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา ขอพระองค์ได้รับการเชิดชูตลอดชั่วนิจนิรันดร์ถึงชั่วนิจนิรันดร์ ขอให้พวกเขาเชิดชูชื่ออันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งได้รับการยกย่องเหนือคำเชิดชูและคำสรรเสริญทั้งปวง
- เนหะมียาห์ 9:6 - พระองค์เป็นพระเจ้า ข้าแต่พระยาห์เวห์ มีแต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้า พระองค์เป็นผู้สร้างท้องฟ้า สวรรค์ชั้นสูงสุด และดวงดาวทั้งสิ้นในท้องฟ้า พระองค์สร้างโลกและทุกสิ่งบนโลก พระองค์สร้างทะเลและทุกอย่างที่อยู่ในทะเล พระองค์ให้ชีวิตกับทุกสิ่ง และพวกดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้านมัสการพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:7 - พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้เลือกอับราม และนำตัวเขาออกมาจากเมืองเออร์แห่งประเทศเคลเดีย และตั้งชื่อให้เขาว่าอับราฮัม
- เนหะมียาห์ 9:8 - พระองค์เห็นว่าเขามีจิตใจซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทำข้อตกลงกับเขา ที่จะยกแผ่นดินของคนเหล่านี้ให้กับลูกหลานของเขา คือแผ่นดินของคนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซีคนเยบุส และคนเกอร์กาชี พระองค์ได้ทำตามคำพูดของพระองค์ เพราะพระองค์นั้นซื่อสัตย์
- เนหะมียาห์ 9:9 - พระองค์ได้เห็นถึงความทุกข์ทรมานของบรรพบุรุษของพวกเราในอียิปต์ และพระองค์ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของพวกเขาที่ทะเลต้นอ้อ
- เนหะมียาห์ 9:10 - พระองค์ได้แสดงปรากฏการณ์ต่างๆและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เพื่อต่อต้านฟาโรห์ กษัตริย์ของอียิปต์ และต่อต้านพวกข้าราชการทั้งสิ้น และประชาชนบนแผ่นดินของกษัตริย์ฟาโรห์ เพราะพระองค์รู้ว่าพวกเขาได้ข่มเหงบรรพบุรุษของพวกเรา พระองค์ก็เลยมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
- เนหะมียาห์ 9:11 - พระองค์ได้แยกทะเลออกต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาเดินผ่านทะเลไปบนพื้นแห้ง แต่พระองค์ได้โยนพวกที่ไล่ตามพวกเขาลงทะเลลึก เหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลที่ปั่นป่วน
- เนหะมียาห์ 9:12 - พระองค์ได้นำทางพวกเขาด้วยเสาเมฆในตอนกลางวันและด้วยเสาไฟในตอนกลางคืน เพื่อส่องทางให้พวกเขาเดินไปในทางที่พวกเขาควรไป
- เนหะมียาห์ 9:13 - พระองค์ลงมาอยู่บนภูเขาซีนาย และพูดกับพวกเขาจากสวรรค์ และได้มอบกฎระเบียบที่ถูกต้องและกฎบัญญัติที่แท้จริง รวมทั้งพวกบัญญัติและคำสั่งต่างๆที่ดีให้กับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:14 - และพระองค์ได้บอกให้พวกเขารู้เกี่ยวกับวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ให้คำสั่งต่างๆ กฎระเบียบ และบัญญัติกับพวกเขา ผ่านทางโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:15 - ในยามที่พวกเขาหิว พระองค์ให้อาหารกับพวกเขาจากสวรรค์ ในยามที่พวกเขากระหาย พระองค์ให้น้ำไหลออกจากหินมาให้พวกเขาดื่ม พระองค์บอกให้พวกเขาไปยึดเอาแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาว่าจะมอบให้กับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:16 - แต่พวกบรรพบุรุษของพวกเราทำตัวเย่อหยิ่งจองหองและหัวแข็งดื้อรั้น พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:17 - พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังและพวกเขาไม่ได้จดจำ ถึงการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ที่พระองค์ได้ทำไปท่ามกลางพวกเขา แต่พวกเขากลับหัวแข็งดื้อรั้นและได้แต่งตั้งหัวหน้าขึ้นมา เพื่อนำพวกเขากลับไปเป็นทาสในอียิปต์อีก แต่พระองค์เป็นพระเจ้าที่ให้อภัย มีใจเมตตาและกรุณา มีความอดทนและมีความรักอันมั่นคง ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:18 - ถึงแม้พวกบรรพบุรุษของพวกเราจะหล่อโลหะรูปลูกวัวขึ้นมาสำหรับพวกเขาเอง และบอกว่า ‘นี่คือพระเจ้าของเจ้าที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์’ ถึงแม้การกระทำนี้จะดูหมิ่นพระองค์อย่างยิ่ง
- เนหะมียาห์ 9:19 - แต่พระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ก็เลยไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไว้ในทะเลทราย เสาเมฆไม่ได้หยุดนำทางพวกเขาในการเดินทางตอนกลางวันและเสาไฟในตอนกลางคืน ก็ไม่ได้หยุดส่องแสงให้กับพวกเขาในทางที่พวกเขาควรจะไป
- เนหะมียาห์ 9:20 - พระองค์ได้ให้พระวิญญาณอันดีของพระองค์เพื่อสอนพวกเขา พระองค์ไม่ได้เอาอาหารทิพย์ ไปจากปากของพวกเขา และพระองค์ได้ให้น้ำเพื่อดับกระหายกับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:21 - พระองค์ดูแลพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปีในทะเลทราย โดยที่พวกเขาไม่ขาดอะไรเลย เสื้อผ้าของพวกเขาก็ไม่ฉีกขาด และเท้าของเขาก็ไม่บวม
- เนหะมียาห์ 9:22 - พระองค์มอบอาณาจักรต่างๆและชนชาติต่างๆให้กับพวกเขา พระองค์ได้ให้แผ่นดินเหล่านี้กลายเป็นแนวชายแดนให้กับพวกเขา พวกเขาได้ยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน และแผ่นดินของกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชาน
- เนหะมียาห์ 9:23 - พระองค์ทำให้พวกเขามีลูกหลานมากมายมหาศาลเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า พระองค์นำพวกเขามายังแผ่นดินที่พระองค์บอกบรรพบุรุษของพวกเขาให้เข้าไปยึดครอง
- เนหะมียาห์ 9:24 - ดังนั้น พวกลูกหลานของพวกเขาจึงเข้าไปยึดครองแผ่นดินนั้น และพระองค์ได้ปราบพวกชาวคานาอันที่อาศัยอยู่เดิมให้พ่ายแพ้ไป และให้พวกชาวคานาอันตกอยู่ในกำมือของบรรพบุรุษของพวกเรา รวมถึงพวกกษัตริย์ และประชาชนของแผ่นดินนั้น พวกบรรพบุรุษของพวกเราสามารถจัดการกับพวกเขาได้ตามใจชอบ
- เนหะมียาห์ 9:25 - พวกเขายึดเมืองที่มีป้อมปราการและแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขายึดบ้านต่างๆที่เต็มไปด้วยของดีๆที่มีทั้งบ่อน้ำที่ขุดไว้แล้ว ไร่องุ่น ต้นมะกอกและต้นผลไม้มากมาย พวกเขากินกันจนอิ่มแปล้และอ้วนท้วน และพวกเขาต่างก็มีความสุขในความดีงามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:26 - แต่พวกเขากลับไม่เชื่อฟัง และกบฏต่อพระองค์ และโยนบัญญัติของพระองค์ทิ้งไป นอกจากนั้นพวกเขายังฆ่าพวกผู้พูดแทนพระองค์ที่ได้ตักเตือนพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ พวกเขาได้ดูหมิ่นพระองค์อย่างใหญ่หลวง
- เนหะมียาห์ 9:27 - ดังนั้นพระองค์จึงมอบพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือพวกศัตรู และศัตรูพวกนั้น ได้ข่มเหงพวกเขาอย่างทารุณโหดร้าย ในยามที่พวกเขาทุกข์ยาก พวกเขาต่างร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และพระองค์ได้ยินเสียงพวกเขาจากสวรรค์ พระองค์ก็ส่งผู้กู้ชาติมาช่วยพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรู เพราะพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
- เนหะมียาห์ 9:28 - แต่ทันทีที่พวกเขาได้รับการปลดปล่อยจากพวกศัตรู พวกเขาก็ได้ทำในสิ่งที่พระองค์ถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายอีก ดังนั้นพระองค์จึงปล่อยให้พวกเขาตกไปอยู่ในกำมือของพวกศัตรูอีก แล้วพวกศัตรูเหล่านั้นก็ได้ปกครองเหนือพวกเขา แต่แล้วเมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็ได้ยินพวกเขาจากสวรรค์ แล้วช่วยกู้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
- เนหะมียาห์ 9:29 - พระองค์เตือนพวกเขาเพื่อให้พวกเขากลับมาหาคำสอนของพระองค์ แต่พวกเขากลับเย่อหยิ่งจองหองและไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์ พวกเขาทำบาปต่อกฎของพระองค์ซึ่งเป็นกฎที่นำชีวิตมาให้กับคนที่รักษากฎเหล่านั้น พวกเขายักไหล่อย่างดื้อรั้นและหัวแข็งดื้อดึง และไม่ยอมฟัง
- เนหะมียาห์ 9:30 - พระองค์อดทนกับพวกเขาอยู่หลายปี และพระองค์ได้เตือนพวกเขาด้วยพระวิญญาณผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระองค์ แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมฟัง จนในที่สุดพระองค์ได้มอบพวกเขาให้กับพวกชนชาติต่างๆ
- เนหะมียาห์ 9:31 - แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม พระองค์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ไม่ได้ทำลายพวกเขาอย่างสิ้นซาก และไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงพระคุณและความเมตตากรุณา
- เนหะมียาห์ 9:32 - ข้าแต่พระเจ้าของพวกเรา พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ผู้มีฤทธิ์อำนาจและน่าเกรงขาม พระองค์รักษาคำมั่นสัญญาด้วยความรักอันสัตย์ซื่อ ขอพระองค์อย่าได้ถือว่าความทุกข์ยากทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับพวกเราตั้งแต่สมัยของกษัตริย์อัสซีเรียจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย คือ ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับพวกกษัตริย์ของเรา กับพวกผู้นำเรา กับเหล่านักบวชของเรา กับคนเหล่านั้นที่พูดแทนพระองค์ให้กับเรา กับพวกบรรพบุรุษของเรา และกับประชาชนทุกคนของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:33 - ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น พระองค์ทำอย่างยุติธรรมแล้ว พระองค์ทำในสิ่งที่ซื่อสัตย์ ในขณะที่พวกเราทำแต่ความผิด
- เนหะมียาห์ 9:34 - พวกกษัตริย์ พวกผู้นำ พวกนักบวช และพวกบรรพบุรุษของเรา ไม่ได้รักษากฎบัญญัติของพระองค์ พวกเขาไม่ใส่ใจกับคำสั่งต่างๆและคำตักเตือนที่พระองค์ให้กับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:35 - แม้แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรของพวกเขาเอง และมีความสุขกับความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ และแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ที่พระองค์มอบให้กับพวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้รับใช้พระองค์และไม่ได้หันไปจากการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:36 - ดูสิ วันนี้พวกเราได้ตกเป็นทาส พระองค์ได้ยกแผ่นดินนี้ให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา เพื่อพวกเขาจะได้กินผลไม้และสิ่งดีๆจากแผ่นดินนี้ แต่พวกเรากลับตกเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินนี้
- เนหะมียาห์ 9:37 - แล้วผลผลิตมากมายของแผ่นดินนี้ ตอนนี้ได้ตกไปเป็นของพวกกษัตริย์ที่พระองค์ได้ตั้งไว้เหนือเราเนื่องจากบาปที่เราทำ พวกเขาใช้อำนาจเหนือเราและฝูงสัตว์ของเราตามความพอใจของพวกเขา ในขณะที่เราต้องทนทุกข์อย่างใหญ่หลวง
- เนหะมียาห์ 9:38 - แต่ถึงแม้ว่าเราจะเจอกับเรื่องทั้งหมดนี้ เราก็กำลังทำสัญญาอันมั่นคงกับพระองค์ และบันทึกไว้แล้วให้พวกผู้นำ พวกชาวเลวีและพวกนักบวชของเราลงชื่อและประทับตรา ของพวกเขาไว้”
- ลูกา 1:58 - เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องรู้ข่าวว่าองค์เจ้าชีวิตเมตตากรุณากับนางอย่างใหญ่หลวง พวกเขาต่างก็พากันดีใจกับนางด้วย
- 2 ซามูเอล 6:16 - ในขณะที่หีบของพระยาห์เวห์กำลังเข้าสู่เมืองของดาวิด มีคาลลูกสาวซาอูลมองลงมาจากหน้าต่าง เมื่อนางเห็นกษัตริย์ดาวิดกระโดดโลดเต้นและเต้นรำต่อหน้าพระยาห์เวห์ นางนึกดูถูกเขาอยู่ในใจ
- สดุดี 30:5 - ความโกรธเกรี้ยวของพระองค์อยู่เพียงชั่วคราว แต่ความปรานีของพระองค์นำชีวิตมาให้ เราอาจจะร้องไห้ในยามค่ำคืน แต่ในวันรุ่งขึ้น เราจะชื่นบาน
- สดุดี 126:5 - ขอให้คนเหล่านั้นที่หว่านพืชพร้อมน้ำตา ได้เก็บเกี่ยวพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี
- สดุดี 126:6 - ขอให้คนเหล่านั้นที่แบกถุงที่ใส่เมล็ดพืชออกไปหว่านในทุ่งด้วยน้ำตา ได้โห่ร้องยินดีเมื่อแบกฟ่อนข้าวกลับมาเป็นมัดๆ
- 2 โครินธ์ 7:10 - เพราะความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนี้ทำให้คนกลับตัวกลับใจและได้รับความรอด ผมก็เลยไม่มีอะไรต้องเสียใจ แต่ความเศร้าเสียใจแบบโลกนี้สิที่นำไปถึงความตาย
- ยอห์น 16:20 - เราจะบอกให้รู้ว่า คุณจะร้องไห้ โศกเศร้าเสียใจ แต่โลกจะรื่นเริงยินดี คุณจะทุกข์ใจ แต่ความทุกข์ใจนั้นจะกลับกลายมาเป็นความดีใจ
- ยอห์น 16:21 - เหมือนกับผู้หญิงที่ถึงกำหนดคลอดก็เป็นทุกข์เพราะความเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อเธอคลอดลูกแล้วก็ลืมความเจ็บปวดไปหมด เพราะดีใจที่ได้เห็นลูกเกิดมาในโลกนี้
- ยอห์น 16:22 - พวกคุณก็เหมือนกัน ตอนนี้คุณทุกข์ใจ แต่เมื่อเรากลับมาหาคุณอีก คุณก็จะดีใจ แล้วไม่มีใครจะแย่งเอาความดีใจนั้นไปจากคุณได้
- ยากอบ 4:9 - ให้เศร้าโศกเสียใจ และร้องไห้ ให้เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงคร่ำครวญ ให้เปลี่ยนความสุขสนุกสนานเป็นความเศร้าหมอง
- อพยพ 15:20 - ฝ่ายมิเรียม หญิงผู้พูดแทนพระเจ้า พี่สาวของอาโรนถือกลองรำมะนาอยู่ในมือ และผู้หญิงทั้งหมดก็เดินตามหลังนาง พร้อมกับกลองรำมะนาและเต้นรำไปด้วย มิเรียมร้องเพลงให้กับพวกเขาว่า
- โรม 12:15 - ให้ยินดีกับคนที่มีความสุข ให้โศกเศร้ากับคนที่กำลังเสียใจ