Brand Logo
  • 圣经
  • 资源
  • 计划
  • 联系我们
  • APP下载
  • 圣经
  • 搜索
  • 原文研究
  • 逐节对照
我的
跟随系统浅色深色简体中文香港繁體台灣繁體English
奉献
19:37 TNCV
逐节对照
  • พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - บุตรสาวคนโตมีบุตรชาย และนางตั้งชื่อเขาว่าโมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับในปัจจุบัน
  • 新标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(上帝版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(神版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 当代译本 - 大女儿生了一个儿子,给他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
  • 圣经新译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名叫摩押,就是现在摩押人的始祖。
  • 中文标准译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名为摩押,他就是今天摩押人的始祖。
  • 现代标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本(拼音版) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖;
  • New International Version - The older daughter had a son, and she named him Moab ; he is the father of the Moabites of today.
  • New International Reader's Version - The older daughter had a son. She named him Moab. He’s the father of the Moabites of today.
  • English Standard Version - The firstborn bore a son and called his name Moab. He is the father of the Moabites to this day.
  • New Living Translation - When the older daughter gave birth to a son, she named him Moab. He became the ancestor of the nation now known as the Moabites.
  • Christian Standard Bible - The firstborn gave birth to a son and named him Moab. He is the father of the Moabites of today.
  • New American Standard Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab; he is the father of the Moabites to this day.
  • New King James Version - The firstborn bore a son and called his name Moab; he is the father of the Moabites to this day.
  • Amplified Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab (from father); he is the father of the Moabites to this day.
  • American Standard Version - And the first-born bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
  • King James Version - And the firstborn bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
  • New English Translation - The older daughter gave birth to a son and named him Moab. He is the ancestor of the Moabites of today.
  • World English Bible - The firstborn bore a son, and named him Moab. He is the father of the Moabites to this day.
  • 新標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(上帝版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(神版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 當代譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
  • 聖經新譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名叫摩押,就是現在摩押人的始祖。
  • 呂振中譯本 - 大女兒生個兒子,給他起名叫 摩押 ,就是今日 摩押 人的始祖。
  • 中文標準譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名為摩押,他就是今天摩押人的始祖。
  • 現代標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 文理和合譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖、
  • 文理委辦譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖。
  • 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 長女生子、命名 摩押 、即今 摩押 族之祖、
  • Nueva Versión Internacional - La mayor tuvo un hijo, a quien llamó Moab, padre de los actuales moabitas.
  • 현대인의 성경 - 큰 딸은 아들을 낳아 이름을 모압이라고 지었는데 그는 오늘날 모압 사람들의 조상이 되었다.
  • Новый Русский Перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав ; он – отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод, версия для Таджикистана - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • La Bible du Semeur 2015 - L’aînée eut un fils qu’elle appela Moab (Issu du père) ; c’est l’ancêtre des Moabites qui existent encore aujourd’hui.
  • リビングバイブル - やがて生まれた姉の子はモアブと名づけられ、モアブ人の先祖となりました。
  • Nova Versão Internacional - A mais velha teve um filho e deu-lhe o nome de Moabe ; este é o pai dos moabitas de hoje.
  • Hoffnung für alle - Die Ältere bekam einen Sohn und nannte ihn Moab (»von meinem Vater«). Er wurde der Stammvater der Moabiter.
  • Kinh Thánh Hiện Đại - Cô chị sinh một con trai và đặt tên Mô-áp. Ông là tổ phụ của dân tộc Mô-áp ngày nay.
  • พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - คน​หัวปี​ได้​บุตร​ชาย และ​ตั้ง​ชื่อ​เขา​ว่า โมอับ เขา​เป็น​บิดา​ต้น​ตระกูล​ของ​ชาว​โมอับ​มา​จนถึง​ทุก​วัน​นี้
交叉引用
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 23:3 - ห้ามชาวอัมโมนหรือชาวโมอับหรือวงศ์วานของเขาเข้าร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงสิบชั่วอายุ
  • กันดารวิถี 24:1 - เมื่อบาลาอัมเห็นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่จะอวยพรอิสราเอล ก็ไม่ได้ไปเสี่ยงทายเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ตรงไปมองดูถิ่นกันดารทันที
  • กันดารวิถี 24:2 - เมื่อบาลาอัมมองไปเห็นอิสราเอลแยกตั้งค่ายตามเผ่า พระวิญญาณของพระเจ้าก็มาอยู่เหนือบาลาอัม
  • กันดารวิถี 24:3 - เขาจึงกล่าวคำพยากรณ์ว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์ คำทำนายของผู้มีตาสว่าง
  • กันดารวิถี 24:4 - คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินพระดำรัสของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตจากองค์ทรงฤทธิ์ ผู้ล้มลง แล้วตาก็เปิดออก
  • กันดารวิถี 24:5 - “ยาโคบเอ๋ย! เต็นท์ของท่านงามยิ่งนัก อิสราเอลเอ๋ย ที่พำนักของท่านงามเหลือเกิน
  • กันดารวิถี 24:6 - “พวกเขาแผ่ขยายออกไปดั่งหุบเขา ดั่งอุทยานริมแม่น้ำ ดั่งต้นกฤษณาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกไว้ ดั่งต้นสนซีดาร์ริมน้ำ
  • กันดารวิถี 24:7 - น้ำจะไหลล้นจากถังของเขา เมล็ดพันธุ์ของเขาจะมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ “กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก ราชอาณาจักรของเขาจะได้รับการเชิดชู
  • กันดารวิถี 24:8 - “พระเจ้าทรงพาพวกเขาออกจากอียิปต์ พวกเขาทรงพลังเยี่ยงวัวป่า พวกเขาเขมือบชนชาติต่างๆ ซึ่งเป็นศัตรู หักกระดูกของพวกนั้นเป็นชิ้นๆ พวกเขาทิ่มแทงคนเหล่านั้นด้วยลูกธนู
  • กันดารวิถี 24:9 - พวกเขาเอนตัวลงนอนเยี่ยงราชสีห์ เยี่ยงนางสิงห์ ใครจะกล้าไปแหย่พวกเขาได้? “ขอให้ผู้ที่อวยพรท่านได้รับพร และให้ผู้ที่แช่งท่านถูกแช่ง!”
  • กันดารวิถี 24:10 - บาลาคโกรธจัด ทุบกำปั้นและตวาดว่า “เราเรียกให้เจ้ามาแช่งศัตรู แต่เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้งสามครา
  • กันดารวิถี 24:11 - ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ กลับบ้านไป! เราคิดจะปูนบำเหน็จให้เจ้าอย่างงาม แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขัดขวางไว้เสียแล้ว”
  • กันดารวิถี 24:12 - บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกผู้สื่อสารของท่านหรอกหรือว่า
  • กันดารวิถี 24:13 - ‘ถึงแม้บาลาคจะยกปราสาทที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้ ข้าพเจ้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดนอกเหนือพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือพูดอะไรตามใจชอบไม่ว่าดีหรือร้าย ต้องพูดแต่สิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเท่านั้น’?
  • กันดารวิถี 24:14 - บัดนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปหาพวกพ้อง แต่ขอเตือนถึงสิ่งที่ชนชาตินี้จะทำแก่ชนชาติของท่านในวันข้างหน้า”
  • กันดารวิถี 24:15 - เขาจึงกล่าวคำพยากรณ์ว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์ คำทำนายของผู้มีตาสว่าง
  • กันดารวิถี 24:16 - คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินพระดำรัสของพระเจ้า ผู้มีความรู้จากองค์ผู้สูงสุด ผู้เห็นนิมิตจากองค์ทรงฤทธิ์ ผู้ล้มลง แล้วตาก็เปิดออก
  • กันดารวิถี 24:17 - “ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่ขณะนี้ ข้าพเจ้ามองเห็น แต่ไม่ใช่ระยะใกล้ ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ ธารพระกรจะรุ่งเรืองออกมาจากอิสราเอล ผู้นั้นจะบดขยี้หน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะพงศ์พันธุ์ของเชท
  • กันดารวิถี 24:18 - เอโดมจะถูกพิชิต เสอีร์ศัตรูของเขาก็จะถูกพิชิต ส่วนอิสราเอลจะเข้มแข็งขึ้น
  • กันดารวิถี 24:19 - จะมีผู้ครอบครองผู้หนึ่งออกมาจากยาโคบ และจะทำลายล้างผู้รอดตายของเมืองนั้น”
  • กันดารวิถี 24:20 - จากนั้นบาลาอัมมองดูชาวอามาเลข และกล่าวคำพยากรณ์ว่า “อามาเลขเป็นประชาชาติหมายเลขหนึ่ง แต่เขาจะพินาศย่อยยับในที่สุด”
  • กันดารวิถี 24:21 - แล้วเขามองดูชาวเคไนต์และกล่าวคำพยากรณ์ว่า “ที่พำนักของเจ้ามั่นคง รังของเขาอยู่ที่ซอกหิน
  • กันดารวิถี 24:22 - กระนั้นเจ้าชาวเคไนต์จะถูกทำลายล้าง เมื่ออัสชูร์มากวาดต้อนเจ้าไปเป็นเชลย”
  • กันดารวิถี 24:23 - แล้วบาลาอัมกล่าวคำพยากรณ์ว่า “อนิจจา ใครเล่าจะรอดชีวิตอยู่ได้เมื่อพระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้?
  • กันดารวิถี 24:24 - เรือจะมาจากชายฝั่งคิททิม และพวกเขาจะปราบทั้งอัสชูร์และเอเบอร์ แต่พวกเขาก็จะพินาศย่อยยับเช่นกัน”
  • กันดารวิถี 24:25 - แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับไปยังที่อยู่ของตน และบาลาคก็ไปตามทางของเขา
  • นางรูธ 4:10 - พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าได้ขอรับรูธหญิงชาวโมอับ ภรรยาม่ายของมาห์โลน มาเป็นภรรยาของข้าพเจ้าด้วย เพื่อนางจะได้มีบุตรสืบนามของผู้ตายกับกรรมสิทธิ์ของเขา เพื่อนามของเขาจะไม่ขาดหายไปจากวงศ์ตระกูลหรือทะเบียนราษฎร ท่านทั้งหลายเป็นพยานในวันนี้!”
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 2:19 - เมื่อเจ้าเข้าใกล้ชาวอัมโมน อย่ารบกวนหรือยั่วยุพวกเขาให้ทำสงคราม เพราะเราจะไม่ยกดินแดนใดๆ ของเขาให้เจ้า เราได้ยกดินแดนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่วงศ์วานของโลทแล้ว”
  • กันดารวิถี 21:29 - วิบัติแก่เจ้า โมอับเอ๋ย! เจ้าถูกทำลายแล้ว ประชากรของพระเคโมชเอ๋ย! เคโมชปล่อยให้บรรดาบุตรชายของตนต้องลี้ภัย และบุตรสาวของตนต้องตกเป็นเชลย เป็นเชลยของสิโหนกษัตริย์แห่งชาวอาโมไรต์
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:1 - โยรัม โอรสของอาหับขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบแปดของรัชกาลกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่สิบสองปี
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:2 - พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่ถึงขนาดที่ราชบิดาและราชมารดาของพระองค์ได้ทรงทำไว้ พระองค์ทรงกวาดล้างหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลซึ่งราชบิดาได้สร้างไว้
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:3 - แต่โยรัมยังคงยึดมั่นในบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม โยรัมไม่ได้เลิกทำบาปนั้น
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:4 - ฝ่ายกษัตริย์เมชาแห่งโมอับทรงเลี้ยงแกะ พระองค์ต้องนำลูกแกะหนึ่งแสนตัวและขนแกะตัวผู้หนึ่งแสนตัวมาเป็นบรรณาการแก่กษัตริย์อิสราเอล
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:5 - แต่หลังจากอาหับสิ้นพระชนม์แล้ว กษัตริย์โมอับก็กบฏต่อกษัตริย์อิสราเอล
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:6 - ครั้งนั้นกษัตริย์โยรัมจึงเสด็จจากสะมาเรีย และระดมทัพอิสราเอลทั้งหมด
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:7 - และส่งสาส์นไปยังกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ มีใจความว่า “กษัตริย์โมอับกบฏต่อข้าพเจ้า ท่านจะช่วยข้าพเจ้ารบกับโมอับหรือไม่?” เยโฮชาฟัทตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน เราเป็นพวกเดียวกัน คนของข้าพเจ้าก็เหมือนเป็นคนของท่าน ม้าของข้าพเจ้าก็เหมือนเป็นม้าของท่าน”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:8 - กษัตริย์เยโฮชาฟัทถามว่า “ว่าแต่เราจะโจมตีจากทางไหน?” โยรัมตอบว่า “จากถิ่นกันดารเอโดม”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:9 - ฉะนั้นกษัตริย์อิสราเอลจึงกรีธาทัพออกไปร่วมรบกับกษัตริย์ยูดาห์และกษัตริย์เอโดม หลังจากอ้อมผ่านถิ่นกันดารเป็นเวลาเจ็ดวันก็ไม่มีน้ำเหลือสำหรับคนและสัตว์พาหนะเลย
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:10 - กษัตริย์อิสราเอลตรัสว่า “อะไรกันนี่! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำเราทั้งสามกษัตริย์มาที่นี่เพื่อมอบไว้ในมือของโมอับหรือ?”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:11 - แต่เยโฮชาฟัทตรัสถามว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเลยหรือ เราจะได้ขอให้ช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า?” นายทหารคนหนึ่งของกษัตริย์อิสราเอลทูลว่า “เอลีชาบุตรชาฟัทอยู่ที่นี่ เขาเคยเป็นผู้ช่วยของเอลียาห์ ”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:12 - เยโฮชาฟัทตรัสว่า “เราจะรู้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากเขาผู้นี้” ฉะนั้นกษัตริย์อิสราเอล กษัตริย์เยโฮชาฟัท และกษัตริย์เอโดมจึงไปพบเอลีชา
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:13 - เอลีชากล่าวกับกษัตริย์อิสราเอลว่า “เรามีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือ? ไปหาผู้เผยพระวจนะของบิดามารดาท่านสิ” แต่กษัตริย์อิสราเอลตรัสว่า “ไม่ได้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้านี่แหละทรงเรียกเราทั้งสามกษัตริย์มาเพื่อมอบไว้ในมือของโมอับ”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:14 - เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ซึ่งเรารับใช้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่กษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ เราจะไม่มองหน้าท่านฉันนั้น ไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าท่านอยู่ที่นี่
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:15 - บัดนี้ขอให้ไปหานักเล่นพิณมาคนหนึ่ง” ขณะที่นักเล่นพิณกำลังบรรเลง พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเหนือเอลีชา
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:16 - และเขากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงทำให้หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:17 - เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ท่านจะไม่เห็นลมไม่เห็นฝน แต่หุบเขาแห่งนี้จะมีน้ำเต็ม เพื่อให้ท่านกับฝูงวัวและสัตว์อื่นๆ มีน้ำดื่ม
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:18 - การนี้เป็นเรื่องง่ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งพระองค์จะทรงมอบโมอับไว้ในมือของท่าน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:19 - ท่านจะพิชิตหัวเมืองเอกและหัวเมืองป้อมปราการทุกเมืองของเขา ท่านจะโค่นต้นไม้งามๆ ทุกต้น อุดตาน้ำทั้งหลายและทำลายแผ่นดินดีๆ ทั้งหมดด้วยหิน”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:20 - วันรุ่งขึ้นประมาณเวลาถวายเครื่องบูชายามเช้า มีน้ำไหลมาจากทางเอโดม ไม่ช้าน้ำก็นองแผ่นดิน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:21 - ฝ่ายโมอับได้ยินว่าบรรดากษัตริย์มารบกับตน ก็เกณฑ์ผู้ชายทุกคนที่พอจะรบทัพจับศึกได้ ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ และให้คนเหล่านั้นประจำการอยู่ที่ชายแดน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:22 - เมื่อพวกโมอับตื่นขึ้นแต่เช้า ดวงอาทิตย์ส่องพื้นน้ำ พวกเขามองเห็นน้ำมีสีแดงฉานเหมือนเลือด
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:23 - พวกเขาก็ร้องว่า “เลือดนี่นา! สามทัพนั้นคงตะลุมบอนฆ่าฟันกันเอง พี่น้องโมอับเอ๋ย เราไปริบข้าวของกันดีกว่า!”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:24 - แต่เมื่อพวกโมอับมาถึงค่ายพักของอิสราเอล กองทัพอิสราเอลก็กรูเข้าไปสู้รบจนพวกเขาพ่ายหนี ฝ่ายอิสราเอลบุกเข้าไปในดินแดนและสังหารชาวโมอับ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:25 - พวกเขาทำลายเมืองต่างๆ แต่ละคนเอาก้อนหินกลบพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เสียหมด ถมทางน้ำทั้งหลาย โค่นต้นไม้ดีๆ ทั้งหมด จนเหลือแต่เมืองคีร์หะเรเสทที่ยังไม่ถูกทำลาย แต่คีร์หะเรเสทก็ถูกล้อม และถูกโจมตีด้วยน้ำมือทหารที่ใช้สลิง
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:26 - เมื่อกษัตริย์โมอับเห็นว่าแพ้สงคราม จึงนำพลดาบเจ็ดร้อยคนตีฝ่าออกไปด้านกษัตริย์เอโดมแต่ไม่สำเร็จ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:27 - เขาจึงนำโอรสหัวปีซึ่งจะได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปมาฆ่าและเผาบูชายัญบนกำแพงเมือง พวกเขาคั่งแค้นอิสราเอลยิ่งนักและต่างถอนทัพกลับไปยังดินแดนของตน
  • ผู้วินิจฉัย 3:1 - ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ทิ้งไว้ เพื่อทดสอบชนชาติอิสราเอลซึ่งไม่เคยร่วมรบในคานาอัน
  • ผู้วินิจฉัย 3:2 - (พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อที่จะสอนลูกหลานอิสราเอลซึ่งไม่เคยผ่านการรบ ให้เรียนรู้การทำสงคราม)
  • ผู้วินิจฉัย 3:3 - ได้แก่ ประมุขทั้งห้าของชาวฟีลิสเตีย ชาวคานาอันทั้งปวง ชาวไซดอน และชาวฮีไวต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบภูเขาเลบานอน จากภูเขาบาอัลเฮอร์โมนถึงเลโบฮามัท
  • ผู้วินิจฉัย 3:4 - ชนชาติเหล่านี้เป็นเครื่องทดสอบชนอิสราเอล เพื่อดูว่าพวกเขาจะเชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งประทานแก่บรรพบุรุษของพวกเขาผ่านทางโมเสสหรือไม่
  • ผู้วินิจฉัย 3:5 - ชาวอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส
  • ผู้วินิจฉัย 3:6 - ชาวอิสราเอลรับหญิงสาวของพวกเขามาเป็นภรรยา หญิงอิสราเอลก็แต่งงานกับหนุ่มชาติต่างๆ เหล่านั้น และเหล่าประชากรได้ไปปรนนิบัติพระของพวกเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:7 - ชนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและได้ปรนนิบัติพระบาอัลและเจ้าแม่อาเชราห์
  • ผู้วินิจฉัย 3:8 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลอย่างมาก ถึงกับทรงขายพวกเขาไว้ในมือของกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมนาหะราอิม อิสราเอลตกอยู่ใต้อำนาจของเขาเป็นเวลาแปดปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:9 - แต่เมื่อพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงตั้งโอทนีเอลบุตรเคนัสน้องชายของคาเลบให้ช่วยกู้พวกเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:10 - พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือโอทนีเอล เขาจึงเป็นผู้วินิจฉัย ของอิสราเอลและออกรบ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมไว้ในมือของโอทนีเอล ซึ่งรบชนะเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:11 - ดังนั้นดินแดนนี้จึงมีความสงบสุขอยู่สี่สิบปี จนกระทั่งโอทนีเอลบุตรเคนัสสิ้นชีวิต
  • ผู้วินิจฉัย 3:12 - แล้วประชากรอิสราเอลก็หวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับมีอำนาจเหนืออิสราเอล
  • ผู้วินิจฉัย 3:13 - เมื่อกษัตริย์เอกโลนได้ชาวอัมโมนและชาวอามาเลขมาสมทบ ก็ยกมาโจมตีอิสราเอล และยึดครองเมืองแห่งต้นอินทผลัม ได้
  • ผู้วินิจฉัย 3:14 - ชาวอิสราเอลต้องขึ้นกับกษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับเป็นเวลาสิบแปดปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:15 - อิสราเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์ประทานผู้กอบกู้คือเอฮูดซึ่งเป็นคนถนัดซ้าย เอฮูดเป็นบุตรเกราชาวเบนยามิน ชนอิสราเอลให้เขานำส่วยไปมอบแก่กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับ
  • ผู้วินิจฉัย 3:16 - เอฮูดได้เตรียมดาบสองคมยาว 1 ศอก เล่มหนึ่งเหน็บไว้ที่ต้นขาขวาใต้เสื้อผ้า
  • ผู้วินิจฉัย 3:17 - เขานำส่วยไปมอบให้กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับซึ่งเป็นคนที่อ้วนมาก
  • ผู้วินิจฉัย 3:18 - หลังจากเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว เขาก็ให้ผู้คนที่แบกหามส่วยมานั้นกลับไป
  • ผู้วินิจฉัย 3:19 - เมื่อมาถึงที่ตั้งรูปเคารพต่างๆ ใกล้กิลกาล เอฮูดก็กลับมาหาเอกโลนและทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพระบาทมีความลับจะกราบทูล” เอกโลนกล่าวว่า “จงเงียบ!” คนของเอกโลนก็ออกไปหมด
  • ผู้วินิจฉัย 3:20 - เอฮูดเดินเข้าไปหากษัตริย์เอกโลนซึ่งประทับนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องชั้นบนของพระราชวังฤดูร้อน แล้วทูลว่า “ข้าพระบาทมีพระดำรัสจากพระเจ้าสำหรับฝ่าพระบาท” เอกโลนจึงลุกขึ้น
  • ผู้วินิจฉัย 3:21 - เอฮูดยื่นมือซ้ายชักดาบจากต้นขาขวาออกมาและแทงหน้าท้องของกษัตริย์เอกโลน
  • ผู้วินิจฉัย 3:22 - ดาบจมมิดด้ามทะลุหลัง เอฮูดไม่ได้ชักดาบกลับ ไขมันอาบดาบ
  • ผู้วินิจฉัย 3:23 - แล้วเอฮูดออกไปทางเฉลียง เขาปิดประตูห้องชั้นบนและลั่นกุญแจไว้
  • ผู้วินิจฉัย 3:24 - หลังจากเขาไปแล้ว เหล่าบริวารมาเห็นประตูห้องชั้นบนลั่นกุญแจไว้ พวกเขาจึงกล่าวว่า “พระราชาคงจะปลดทุกข์อยู่ที่ห้องชั้นใน”
  • ผู้วินิจฉัย 3:25 - พวกเขาคอยอยู่นานจนรู้สึกวุ่นวายใจ แต่กษัตริย์เอกโลนก็ไม่ได้เปิดประตูออกมา พวกเขาจึงหากุญแจมาเปิด ก็พบเจ้านายของตนนอนสิ้นชีวิตอยู่ที่พื้น
  • ผู้วินิจฉัย 3:26 - ขณะที่พวกเขารออยู่นั้น เอฮูดได้หลบหนีผ่านที่ตั้งรูปเคารพมาถึงเสอีราห์
  • ผู้วินิจฉัย 3:27 - เมื่อมาถึงที่นั่น เอฮูดก็เป่าแตรเขาสัตว์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ชนอิสราเอลก็ลงมาจากภูเขาต่างๆ โดยมีเอฮูดนำหน้า
  • ผู้วินิจฉัย 3:28 - เขาบัญชาว่า “จงตามข้าพเจ้ามา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบชาวโมอับศัตรูของท่านไว้ในมือของท่านแล้ว” พวกเขาจึงตามเอฮูดลงไปยึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนซึ่งนำไปสู่โมอับ สกัดไม่ให้ผู้ใดข้ามไปมา
  • ผู้วินิจฉัย 3:29 - ครั้งนั้นพวกเขาสังหารชาวโมอับนับหมื่นคนซึ่งล้วนแต่แข็งแรงและมีกำลัง ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดไปแม้สักคนเดียว
  • ผู้วินิจฉัย 3:30 - โมอับจึงขึ้นกับอิสราเอลนับตั้งแต่นั้นมา แล้วแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาแปดสิบปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:31 - ถัดจากเอฮูดคือชัมการ์บุตรอานาท เขาใช้ประตักวัวอันเดียวฆ่าชาวฟีลิสเตียหกร้อยคน เขาก็เป็นผู้กอบกู้อิสราเอลเช่นเดียวกัน
  • 2ซามูเอล 8:1 - ต่อมาดาวิดทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียอย่างราบคาบ พระองค์ยึดเมืองเมเธกอัมมาห์จากฟีลิสเตีย
  • 2ซามูเอล 8:2 - ดาวิดยังได้ทรงพิชิตชาวโมอับ จับเชลยนอนเรียงแถวบนพื้นแล้ววัดด้วยสายวัด ทุกๆ สองช่วงของสายวัดเชลยที่นอนอยู่ในสองช่วงนั้นจะถูกประหาร และจะไว้ชีวิตเชลยที่อยู่ในช่วงที่สาม ชาวโมอับจึงขึ้นแก่ดาวิดและต้องส่งเครื่องบรรณาการ
  • 2ซามูเอล 8:3 - ยิ่งกว่านั้นดาวิดยังทรงสู้รบกับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์ เมื่อฮาดัดเอเซอร์เสด็จไปกู้อำนาจคืนในแถบแม่น้ำยูเฟรติส
  • 2ซามูเอล 8:4 - ดาวิดทรงยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน พลรถรบเจ็ดพันคน และทหารราบสองหมื่นคน ทรงตัดเอ็นขาม้าศึกทั้งหมด ยกเว้นม้าสำหรับเทียมรถหนึ่งร้อยตัว
  • 2ซามูเอล 8:5 - เมื่อชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงสังหารพวกเขาไป 22,000 คน
  • 2ซามูเอล 8:6 - ทรงวางกำลังทหารไว้ในอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัส และชาวอารัมก็ขึ้นกับดาวิด และต้องส่งบรรณาการมาถวาย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน
  • 2ซามูเอล 8:7 - ดาวิดทรงนำโล่ทองคำของบรรดานายทหารของฮาดัดเอเซอร์มายังกรุงเยรูซาเล็ม
  • 2ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดยังได้นำทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลจากเมืองเทบาห์ และจากเมืองเบโรธัยของฮาดัดเอเซอร์มาด้วย
  • 2ซามูเอล 8:9 - เมื่อกษัตริย์โทอู แห่งเมืองฮามัทได้ข่าวว่าดาวิดทรงรบชนะทั้งกองทัพของฮาดัดเอเซอร์
  • 2ซามูเอล 8:10 - ก็ส่งโยรัม ราชโอรสมาถวายคำนับกษัตริย์ดาวิดและร่วมยินดีในชัยชนะเหนือฮาดัดเอเซอร์ เพราะฮาดัดเอเซอร์และโทอูเป็นศัตรูขับเคี่ยวกันมา โยรัมนำเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องทองสัมฤทธิ์มาถวายด้วย
  • 2ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดทรงถวายสิ่งเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับเงินและทองซึ่งริบจากชนชาติต่างๆ ที่ดาวิดพิชิตคือ
  • 2ซามูเอล 8:12 - เอโดม โมอับ อัมโมน ฟีลิสเตีย และอามาเลข ตลอดจนของเชลยที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์
  • 2ซามูเอล 8:13 - และหลังจากที่ดาวิดทรงประหารชาวเอโดม ที่หุบเขาเกลือไป 18,000 คน ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดัง
  • 2ซามูเอล 8:14 - ดาวิดทรงวางกำลังทหารไว้ในเอโดม และชาวเอโดมทั้งปวงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ( 1พศด.18:14-17 )
  • 2ซามูเอล 8:15 - ดาวิดทรงปกครองทั่วแดนอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมเพื่อปวงประชากรของพระองค์
  • 2ซามูเอล 8:16 - โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง
  • 2ซามูเอล 8:17 - ศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรอาห์เป็นราชเลขา
  • 2ซามูเอล 8:18 - เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาดูแลพวกเคเรธีและคนเปเลท และบรรดาโอรสของดาวิดเป็นราชมนตรี
  • กันดารวิถี 22:1 - แล้วประชากรอิสราเอลเดินทางมาถึงที่ราบโมอับ และตั้งค่ายพักริมแม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยรีโค
  • กันดารวิถี 22:2 - ฝ่ายบาลาคบุตรศิปโปร์ได้เห็นการทั้งปวงซึ่งอิสราเอลทำแก่ชาวอาโมไรต์
  • กันดารวิถี 22:3 - และโมอับหวาดผวาเนื่องจากอิสราเอลมีกำลังคนมากมาย โมอับคร้ามกลัวชนอิสราเอลอย่างยิ่ง
  • กันดารวิถี 22:4 - ชาวโมอับจึงหารือกับบรรดาผู้นำมีเดียนว่า “ฝูงชนนี้จะมากลืนกินทุกอย่างเหมือนวัวกินหญ้า” ดังนั้นบาลาคบุตรศิปโปร์ผู้เป็นกษัตริย์โมอับในเวลานั้น
  • กันดารวิถี 22:5 - จึงส่งผู้สื่อสารไปเรียกตัวบาลาอัมบุตรเบโอร์ ซึ่งอยู่ที่เปโธร์บ้านเกิดเมืองนอนของเขาใกล้แม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์บาลาคกล่าวว่า “ชนชาติหนึ่งออกมาจากอียิปต์ แห่กันมามืดฟ้ามัวดินและมาประชิดแดนข้าพเจ้าแล้ว
  • กันดารวิถี 22:6 - โปรดมาแช่งคนเหล่านี้ให้เราด้วยเพราะพวกเขาแข็งแกร่งเกินกำลังของเรา เผื่อว่าเราจะได้ขับไล่พวกเขาออกจากดินแดน เพราะเราทราบมาว่าทุกคนที่ท่านอวยพรก็ได้รับพร ส่วนคนที่ท่านสาปแช่งก็ต้องคำสาป”
  • กันดารวิถี 22:7 - เหล่าผู้อาวุโสของโมอับและมีเดียนจึงจากไปและนำเงินค่าคำสาปไปด้วย เมื่อมาพบบาลาอัม ก็แจ้งตามที่บาลาคกล่าว
  • กันดารวิถี 22:8 - บาลาอัมกล่าวว่า “เชิญพักค้างคืนที่นี่ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะนำคำตอบที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้” ดังนั้นพวกเจ้านายแห่งโมอับจึงพักอยู่ด้วย
  • กันดารวิถี 22:9 - พระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมและตรัสถามว่า “คนเหล่านี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใคร?”
  • กันดารวิถี 22:10 - บาลาอัมทูลพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับส่งข่าวมาว่า
  • กันดารวิถี 22:11 - ‘ชนชาติหนึ่งที่ออกมาจากอียิปต์อย่างมืดฟ้ามัวดิน บัดนี้ขอเชิญท่านไปสาปแช่งพวกเขาให้เรา เผื่อว่าเราจะสามารถสู้รบและขับไล่พวกเขาออกไปได้’ ”
  • กันดารวิถี 22:12 - แต่พระเจ้าตรัสกับบาลาอัมว่า “อย่าไปกับพวกนั้น เจ้าจะสาปแช่งคนเหล่านั้นไม่ได้เพราะพวกเขาได้รับพรแล้ว”
  • กันดารวิถี 22:13 - เช้าวันรุ่งขึ้นบาลาอัมลุกขึ้นและบอกเจ้านายที่บาลาคส่งมาว่า “กลับไปประเทศของพวกท่านเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปกับพวกท่าน”
  • กันดารวิถี 22:14 - ดังนั้นเจ้านายชาวโมอับจึงกลับไปรายงานบาลาคว่า “บาลาอัมไม่ยอมมากับพวกเรา”
  • กันดารวิถี 22:15 - บาลาคพยายามอีกครั้ง โดยส่งกองเกียรติยศยิ่งกว่าครั้งก่อนมา
  • กันดารวิถี 22:16 - พวกเขามาแจ้งบาลาอัมว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กล่าวว่า อย่าให้มีสิ่งใดมาขัดขวางไม่ให้ท่านมาหาเรา
  • กันดารวิถี 22:17 - เพราะเราจะตอบแทนท่านอย่างงาม และทำตามทุกอย่างที่ท่านบอก มาแช่งชนชาตินี้ให้เราเถิด”
  • กันดารวิถี 22:18 - แต่บาลาอัมตอบว่า “แม้บาลาคจะยกปราสาทที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้ ข้าพเจ้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดนอกเหนือพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
  • กันดารวิถี 22:19 - เอาเถอะ เชิญค้างคืนที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะดูว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะตรัสอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่”
  • กันดารวิถี 22:20 - คืนนั้นพระเจ้าเสด็จมาตรัสกับบาลาอัมว่า “ในเมื่อคนเหล่านี้มาเรียกเจ้า ก็จงไปกับเขา แต่จงทำตามที่เราสั่งเท่านั้น”
  • กันดารวิถี 22:21 - ครั้นรุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้นผูกอานลาไปกับพวกเจ้านายของโมอับ
  • กันดารวิถี 22:22 - แต่พระเจ้าทรงพระพิโรธบาลาอัม ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายืนดักอยู่กลางถนนเพื่อขัดขวางเขา บาลาอัมขี่ลาไปและมีคนรับใช้สองคนไปด้วย
  • กันดารวิถี 22:23 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบอยู่กลางทาง ก็เบี่ยงออกนอกทางเข้าไปในทุ่งนา แต่บาลาอัมตีลาเพื่อบังคับให้มันกลับเข้าทางเดิม
  • กันดารวิถี 22:24 - จากนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายืนอยู่ตรงทางแคบระหว่างกำแพงรั้วสวนองุ่นสองฟาก
  • กันดารวิถี 22:25 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เบียดตัวชิดรั้วทำให้เท้าของบาลาอัมกระแทกกับกำแพงรั้ว เขาจึงตีลาอีก
  • กันดารวิถี 22:26 - แล้วทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าล่วงหน้าไปและยืนอยู่ตรงที่แคบซึ่งลาไม่สามารถจะหันไปทางไหนได้เลย
  • กันดารวิถี 22:27 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็หมอบลงโดยที่บาลาอัมยังนั่งอยู่บนหลัง เขาจึงโกรธและเอาไม้เท้าตีลาอีก
  • กันดารวิถี 22:28 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดปากลา ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรท่านหรือจึงมาตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง?”
  • กันดารวิถี 22:29 - บาลาอัมตอบว่า “ก็เจ้าน่ะสิ ทำให้เรากลายเป็นอ้ายงั่ง! ถ้าเรามีดาบสักเล่มอยู่ในมือ เราจะฆ่าเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”
  • กันดารวิถี 22:30 - ลากล่าวกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่านซึ่งท่านขี่มาจนถึงตอนนี้หรือ? ข้าพเจ้าเคยทำกับท่านเช่นนี้มาก่อนหรือเปล่า?” เขาตอบว่า “ไม่เคย”
  • กันดารวิถี 22:31 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดตาของบาลาอัม เขาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบอยู่กลางทาง เขาก็ทรุดกายและหมอบกราบซบหน้าลง
  • กันดารวิถี 22:32 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงตีลาถึงสามครั้ง? เรามาขัดขวางเจ้าเพราะเจ้ากำลังผลีผลามออกไปนอกลู่นอกทาง
  • กันดารวิถี 22:33 - ลาเห็นเรา แล้วก็หลบเลี่ยงไปถึงสามครั้ง ไม่เช่นนั้นเราคงประหารเจ้าแน่นอน และปล่อยให้ลารอดชีวิตไป”
  • กันดารวิถี 22:34 - บาลาอัมกล่าวกับทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่กลางทางเพื่อขัดขวางข้าพเจ้า ถ้าท่านไม่อยากให้ข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็จะกลับ”
  • กันดารวิถี 22:35 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับบาลาอัมว่า “จงไปกับคนเหล่านี้เถิด แต่จงพูดตามที่เราสั่งเท่านั้น” ดังนั้นบาลาอัมจึงไปกับพวกเจ้านายที่บาลาคส่งมา
  • กันดารวิถี 22:36 - เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมาก็ออกมาพบที่ชายแดน คือที่เมืองของชาวโมอับ ริมแม่น้ำอารโนน
  • กันดารวิถี 22:37 - บาลาคกล่าวกับบาลาอัมว่า “เราส่งคนไปเชิญท่านมาโดยด่วนไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงไม่ยอมมา? เราไม่สามารถปูนบำเหน็จแก่ท่านหรือ?”
  • กันดารวิถี 22:38 - บาลาอัมตอบว่า “ข้าพเจ้ามาแล้วก็จริง แต่ไม่อาจพูดอะไรได้ ต้องพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในปากของข้าพเจ้าเท่านั้น”
  • กันดารวิถี 22:39 - แล้วบาลาอัมก็ร่วมทางไปกับบาลาคถึงที่คีริยาทหุโซท
  • กันดารวิถี 22:40 - บาลาคเอาวัวและแกะถวายบูชา และยกบางส่วนให้บาลาอัมกับเหล่าเจ้านายที่มาด้วย
  • กันดารวิถี 22:41 - วันรุ่งขึ้นบาลาคพาบาลาอัมขึ้นไปบนบาโมทบาอัลซึ่งเขามองลงมาเห็นประชากรอิสราเอลบางส่วน
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 2:9 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าไปรบกวนหรือยั่วยุชาวโมอับให้ทำสงคราม เพราะเราจะไม่ยกดินแดนส่วนใดของเขาให้เจ้า เราได้ยกดินแดนอาร์ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่วงศ์วานของโลทแล้ว”
逐节对照交叉引用
  • พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - บุตรสาวคนโตมีบุตรชาย และนางตั้งชื่อเขาว่าโมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับในปัจจุบัน
  • 新标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(上帝版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(神版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 当代译本 - 大女儿生了一个儿子,给他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
  • 圣经新译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名叫摩押,就是现在摩押人的始祖。
  • 中文标准译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名为摩押,他就是今天摩押人的始祖。
  • 现代标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
  • 和合本(拼音版) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖;
  • New International Version - The older daughter had a son, and she named him Moab ; he is the father of the Moabites of today.
  • New International Reader's Version - The older daughter had a son. She named him Moab. He’s the father of the Moabites of today.
  • English Standard Version - The firstborn bore a son and called his name Moab. He is the father of the Moabites to this day.
  • New Living Translation - When the older daughter gave birth to a son, she named him Moab. He became the ancestor of the nation now known as the Moabites.
  • Christian Standard Bible - The firstborn gave birth to a son and named him Moab. He is the father of the Moabites of today.
  • New American Standard Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab; he is the father of the Moabites to this day.
  • New King James Version - The firstborn bore a son and called his name Moab; he is the father of the Moabites to this day.
  • Amplified Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab (from father); he is the father of the Moabites to this day.
  • American Standard Version - And the first-born bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
  • King James Version - And the firstborn bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
  • New English Translation - The older daughter gave birth to a son and named him Moab. He is the ancestor of the Moabites of today.
  • World English Bible - The firstborn bore a son, and named him Moab. He is the father of the Moabites to this day.
  • 新標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(上帝版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 和合本2010(神版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 當代譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
  • 聖經新譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名叫摩押,就是現在摩押人的始祖。
  • 呂振中譯本 - 大女兒生個兒子,給他起名叫 摩押 ,就是今日 摩押 人的始祖。
  • 中文標準譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名為摩押,他就是今天摩押人的始祖。
  • 現代標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
  • 文理和合譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖、
  • 文理委辦譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖。
  • 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 長女生子、命名 摩押 、即今 摩押 族之祖、
  • Nueva Versión Internacional - La mayor tuvo un hijo, a quien llamó Moab, padre de los actuales moabitas.
  • 현대인의 성경 - 큰 딸은 아들을 낳아 이름을 모압이라고 지었는데 그는 오늘날 모압 사람들의 조상이 되었다.
  • Новый Русский Перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав ; он – отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • Восточный перевод, версия для Таджикистана - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
  • La Bible du Semeur 2015 - L’aînée eut un fils qu’elle appela Moab (Issu du père) ; c’est l’ancêtre des Moabites qui existent encore aujourd’hui.
  • リビングバイブル - やがて生まれた姉の子はモアブと名づけられ、モアブ人の先祖となりました。
  • Nova Versão Internacional - A mais velha teve um filho e deu-lhe o nome de Moabe ; este é o pai dos moabitas de hoje.
  • Hoffnung für alle - Die Ältere bekam einen Sohn und nannte ihn Moab (»von meinem Vater«). Er wurde der Stammvater der Moabiter.
  • Kinh Thánh Hiện Đại - Cô chị sinh một con trai và đặt tên Mô-áp. Ông là tổ phụ của dân tộc Mô-áp ngày nay.
  • พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - คน​หัวปี​ได้​บุตร​ชาย และ​ตั้ง​ชื่อ​เขา​ว่า โมอับ เขา​เป็น​บิดา​ต้น​ตระกูล​ของ​ชาว​โมอับ​มา​จนถึง​ทุก​วัน​นี้
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 23:3 - ห้ามชาวอัมโมนหรือชาวโมอับหรือวงศ์วานของเขาเข้าร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงสิบชั่วอายุ
  • กันดารวิถี 24:1 - เมื่อบาลาอัมเห็นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่จะอวยพรอิสราเอล ก็ไม่ได้ไปเสี่ยงทายเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ตรงไปมองดูถิ่นกันดารทันที
  • กันดารวิถี 24:2 - เมื่อบาลาอัมมองไปเห็นอิสราเอลแยกตั้งค่ายตามเผ่า พระวิญญาณของพระเจ้าก็มาอยู่เหนือบาลาอัม
  • กันดารวิถี 24:3 - เขาจึงกล่าวคำพยากรณ์ว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์ คำทำนายของผู้มีตาสว่าง
  • กันดารวิถี 24:4 - คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินพระดำรัสของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตจากองค์ทรงฤทธิ์ ผู้ล้มลง แล้วตาก็เปิดออก
  • กันดารวิถี 24:5 - “ยาโคบเอ๋ย! เต็นท์ของท่านงามยิ่งนัก อิสราเอลเอ๋ย ที่พำนักของท่านงามเหลือเกิน
  • กันดารวิถี 24:6 - “พวกเขาแผ่ขยายออกไปดั่งหุบเขา ดั่งอุทยานริมแม่น้ำ ดั่งต้นกฤษณาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกไว้ ดั่งต้นสนซีดาร์ริมน้ำ
  • กันดารวิถี 24:7 - น้ำจะไหลล้นจากถังของเขา เมล็ดพันธุ์ของเขาจะมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ “กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก ราชอาณาจักรของเขาจะได้รับการเชิดชู
  • กันดารวิถี 24:8 - “พระเจ้าทรงพาพวกเขาออกจากอียิปต์ พวกเขาทรงพลังเยี่ยงวัวป่า พวกเขาเขมือบชนชาติต่างๆ ซึ่งเป็นศัตรู หักกระดูกของพวกนั้นเป็นชิ้นๆ พวกเขาทิ่มแทงคนเหล่านั้นด้วยลูกธนู
  • กันดารวิถี 24:9 - พวกเขาเอนตัวลงนอนเยี่ยงราชสีห์ เยี่ยงนางสิงห์ ใครจะกล้าไปแหย่พวกเขาได้? “ขอให้ผู้ที่อวยพรท่านได้รับพร และให้ผู้ที่แช่งท่านถูกแช่ง!”
  • กันดารวิถี 24:10 - บาลาคโกรธจัด ทุบกำปั้นและตวาดว่า “เราเรียกให้เจ้ามาแช่งศัตรู แต่เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้งสามครา
  • กันดารวิถี 24:11 - ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ กลับบ้านไป! เราคิดจะปูนบำเหน็จให้เจ้าอย่างงาม แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขัดขวางไว้เสียแล้ว”
  • กันดารวิถี 24:12 - บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกผู้สื่อสารของท่านหรอกหรือว่า
  • กันดารวิถี 24:13 - ‘ถึงแม้บาลาคจะยกปราสาทที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้ ข้าพเจ้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดนอกเหนือพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือพูดอะไรตามใจชอบไม่ว่าดีหรือร้าย ต้องพูดแต่สิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเท่านั้น’?
  • กันดารวิถี 24:14 - บัดนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปหาพวกพ้อง แต่ขอเตือนถึงสิ่งที่ชนชาตินี้จะทำแก่ชนชาติของท่านในวันข้างหน้า”
  • กันดารวิถี 24:15 - เขาจึงกล่าวคำพยากรณ์ว่า “คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์ คำทำนายของผู้มีตาสว่าง
  • กันดารวิถี 24:16 - คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินพระดำรัสของพระเจ้า ผู้มีความรู้จากองค์ผู้สูงสุด ผู้เห็นนิมิตจากองค์ทรงฤทธิ์ ผู้ล้มลง แล้วตาก็เปิดออก
  • กันดารวิถี 24:17 - “ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่ขณะนี้ ข้าพเจ้ามองเห็น แต่ไม่ใช่ระยะใกล้ ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ ธารพระกรจะรุ่งเรืองออกมาจากอิสราเอล ผู้นั้นจะบดขยี้หน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะพงศ์พันธุ์ของเชท
  • กันดารวิถี 24:18 - เอโดมจะถูกพิชิต เสอีร์ศัตรูของเขาก็จะถูกพิชิต ส่วนอิสราเอลจะเข้มแข็งขึ้น
  • กันดารวิถี 24:19 - จะมีผู้ครอบครองผู้หนึ่งออกมาจากยาโคบ และจะทำลายล้างผู้รอดตายของเมืองนั้น”
  • กันดารวิถี 24:20 - จากนั้นบาลาอัมมองดูชาวอามาเลข และกล่าวคำพยากรณ์ว่า “อามาเลขเป็นประชาชาติหมายเลขหนึ่ง แต่เขาจะพินาศย่อยยับในที่สุด”
  • กันดารวิถี 24:21 - แล้วเขามองดูชาวเคไนต์และกล่าวคำพยากรณ์ว่า “ที่พำนักของเจ้ามั่นคง รังของเขาอยู่ที่ซอกหิน
  • กันดารวิถี 24:22 - กระนั้นเจ้าชาวเคไนต์จะถูกทำลายล้าง เมื่ออัสชูร์มากวาดต้อนเจ้าไปเป็นเชลย”
  • กันดารวิถี 24:23 - แล้วบาลาอัมกล่าวคำพยากรณ์ว่า “อนิจจา ใครเล่าจะรอดชีวิตอยู่ได้เมื่อพระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้?
  • กันดารวิถี 24:24 - เรือจะมาจากชายฝั่งคิททิม และพวกเขาจะปราบทั้งอัสชูร์และเอเบอร์ แต่พวกเขาก็จะพินาศย่อยยับเช่นกัน”
  • กันดารวิถี 24:25 - แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับไปยังที่อยู่ของตน และบาลาคก็ไปตามทางของเขา
  • นางรูธ 4:10 - พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าได้ขอรับรูธหญิงชาวโมอับ ภรรยาม่ายของมาห์โลน มาเป็นภรรยาของข้าพเจ้าด้วย เพื่อนางจะได้มีบุตรสืบนามของผู้ตายกับกรรมสิทธิ์ของเขา เพื่อนามของเขาจะไม่ขาดหายไปจากวงศ์ตระกูลหรือทะเบียนราษฎร ท่านทั้งหลายเป็นพยานในวันนี้!”
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 2:19 - เมื่อเจ้าเข้าใกล้ชาวอัมโมน อย่ารบกวนหรือยั่วยุพวกเขาให้ทำสงคราม เพราะเราจะไม่ยกดินแดนใดๆ ของเขาให้เจ้า เราได้ยกดินแดนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่วงศ์วานของโลทแล้ว”
  • กันดารวิถี 21:29 - วิบัติแก่เจ้า โมอับเอ๋ย! เจ้าถูกทำลายแล้ว ประชากรของพระเคโมชเอ๋ย! เคโมชปล่อยให้บรรดาบุตรชายของตนต้องลี้ภัย และบุตรสาวของตนต้องตกเป็นเชลย เป็นเชลยของสิโหนกษัตริย์แห่งชาวอาโมไรต์
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:1 - โยรัม โอรสของอาหับขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบแปดของรัชกาลกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่สิบสองปี
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:2 - พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่ถึงขนาดที่ราชบิดาและราชมารดาของพระองค์ได้ทรงทำไว้ พระองค์ทรงกวาดล้างหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลซึ่งราชบิดาได้สร้างไว้
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:3 - แต่โยรัมยังคงยึดมั่นในบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม โยรัมไม่ได้เลิกทำบาปนั้น
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:4 - ฝ่ายกษัตริย์เมชาแห่งโมอับทรงเลี้ยงแกะ พระองค์ต้องนำลูกแกะหนึ่งแสนตัวและขนแกะตัวผู้หนึ่งแสนตัวมาเป็นบรรณาการแก่กษัตริย์อิสราเอล
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:5 - แต่หลังจากอาหับสิ้นพระชนม์แล้ว กษัตริย์โมอับก็กบฏต่อกษัตริย์อิสราเอล
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:6 - ครั้งนั้นกษัตริย์โยรัมจึงเสด็จจากสะมาเรีย และระดมทัพอิสราเอลทั้งหมด
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:7 - และส่งสาส์นไปยังกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ มีใจความว่า “กษัตริย์โมอับกบฏต่อข้าพเจ้า ท่านจะช่วยข้าพเจ้ารบกับโมอับหรือไม่?” เยโฮชาฟัทตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน เราเป็นพวกเดียวกัน คนของข้าพเจ้าก็เหมือนเป็นคนของท่าน ม้าของข้าพเจ้าก็เหมือนเป็นม้าของท่าน”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:8 - กษัตริย์เยโฮชาฟัทถามว่า “ว่าแต่เราจะโจมตีจากทางไหน?” โยรัมตอบว่า “จากถิ่นกันดารเอโดม”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:9 - ฉะนั้นกษัตริย์อิสราเอลจึงกรีธาทัพออกไปร่วมรบกับกษัตริย์ยูดาห์และกษัตริย์เอโดม หลังจากอ้อมผ่านถิ่นกันดารเป็นเวลาเจ็ดวันก็ไม่มีน้ำเหลือสำหรับคนและสัตว์พาหนะเลย
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:10 - กษัตริย์อิสราเอลตรัสว่า “อะไรกันนี่! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำเราทั้งสามกษัตริย์มาที่นี่เพื่อมอบไว้ในมือของโมอับหรือ?”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:11 - แต่เยโฮชาฟัทตรัสถามว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเลยหรือ เราจะได้ขอให้ช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า?” นายทหารคนหนึ่งของกษัตริย์อิสราเอลทูลว่า “เอลีชาบุตรชาฟัทอยู่ที่นี่ เขาเคยเป็นผู้ช่วยของเอลียาห์ ”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:12 - เยโฮชาฟัทตรัสว่า “เราจะรู้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากเขาผู้นี้” ฉะนั้นกษัตริย์อิสราเอล กษัตริย์เยโฮชาฟัท และกษัตริย์เอโดมจึงไปพบเอลีชา
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:13 - เอลีชากล่าวกับกษัตริย์อิสราเอลว่า “เรามีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือ? ไปหาผู้เผยพระวจนะของบิดามารดาท่านสิ” แต่กษัตริย์อิสราเอลตรัสว่า “ไม่ได้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้านี่แหละทรงเรียกเราทั้งสามกษัตริย์มาเพื่อมอบไว้ในมือของโมอับ”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:14 - เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ซึ่งเรารับใช้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่กษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ เราจะไม่มองหน้าท่านฉันนั้น ไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าท่านอยู่ที่นี่
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:15 - บัดนี้ขอให้ไปหานักเล่นพิณมาคนหนึ่ง” ขณะที่นักเล่นพิณกำลังบรรเลง พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเหนือเอลีชา
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:16 - และเขากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงทำให้หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:17 - เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ท่านจะไม่เห็นลมไม่เห็นฝน แต่หุบเขาแห่งนี้จะมีน้ำเต็ม เพื่อให้ท่านกับฝูงวัวและสัตว์อื่นๆ มีน้ำดื่ม
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:18 - การนี้เป็นเรื่องง่ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งพระองค์จะทรงมอบโมอับไว้ในมือของท่าน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:19 - ท่านจะพิชิตหัวเมืองเอกและหัวเมืองป้อมปราการทุกเมืองของเขา ท่านจะโค่นต้นไม้งามๆ ทุกต้น อุดตาน้ำทั้งหลายและทำลายแผ่นดินดีๆ ทั้งหมดด้วยหิน”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:20 - วันรุ่งขึ้นประมาณเวลาถวายเครื่องบูชายามเช้า มีน้ำไหลมาจากทางเอโดม ไม่ช้าน้ำก็นองแผ่นดิน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:21 - ฝ่ายโมอับได้ยินว่าบรรดากษัตริย์มารบกับตน ก็เกณฑ์ผู้ชายทุกคนที่พอจะรบทัพจับศึกได้ ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ และให้คนเหล่านั้นประจำการอยู่ที่ชายแดน
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:22 - เมื่อพวกโมอับตื่นขึ้นแต่เช้า ดวงอาทิตย์ส่องพื้นน้ำ พวกเขามองเห็นน้ำมีสีแดงฉานเหมือนเลือด
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:23 - พวกเขาก็ร้องว่า “เลือดนี่นา! สามทัพนั้นคงตะลุมบอนฆ่าฟันกันเอง พี่น้องโมอับเอ๋ย เราไปริบข้าวของกันดีกว่า!”
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:24 - แต่เมื่อพวกโมอับมาถึงค่ายพักของอิสราเอล กองทัพอิสราเอลก็กรูเข้าไปสู้รบจนพวกเขาพ่ายหนี ฝ่ายอิสราเอลบุกเข้าไปในดินแดนและสังหารชาวโมอับ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:25 - พวกเขาทำลายเมืองต่างๆ แต่ละคนเอาก้อนหินกลบพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เสียหมด ถมทางน้ำทั้งหลาย โค่นต้นไม้ดีๆ ทั้งหมด จนเหลือแต่เมืองคีร์หะเรเสทที่ยังไม่ถูกทำลาย แต่คีร์หะเรเสทก็ถูกล้อม และถูกโจมตีด้วยน้ำมือทหารที่ใช้สลิง
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:26 - เมื่อกษัตริย์โมอับเห็นว่าแพ้สงคราม จึงนำพลดาบเจ็ดร้อยคนตีฝ่าออกไปด้านกษัตริย์เอโดมแต่ไม่สำเร็จ
  • 2พงศ์กษัตริย์ 3:27 - เขาจึงนำโอรสหัวปีซึ่งจะได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปมาฆ่าและเผาบูชายัญบนกำแพงเมือง พวกเขาคั่งแค้นอิสราเอลยิ่งนักและต่างถอนทัพกลับไปยังดินแดนของตน
  • ผู้วินิจฉัย 3:1 - ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ทิ้งไว้ เพื่อทดสอบชนชาติอิสราเอลซึ่งไม่เคยร่วมรบในคานาอัน
  • ผู้วินิจฉัย 3:2 - (พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อที่จะสอนลูกหลานอิสราเอลซึ่งไม่เคยผ่านการรบ ให้เรียนรู้การทำสงคราม)
  • ผู้วินิจฉัย 3:3 - ได้แก่ ประมุขทั้งห้าของชาวฟีลิสเตีย ชาวคานาอันทั้งปวง ชาวไซดอน และชาวฮีไวต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบภูเขาเลบานอน จากภูเขาบาอัลเฮอร์โมนถึงเลโบฮามัท
  • ผู้วินิจฉัย 3:4 - ชนชาติเหล่านี้เป็นเครื่องทดสอบชนอิสราเอล เพื่อดูว่าพวกเขาจะเชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งประทานแก่บรรพบุรุษของพวกเขาผ่านทางโมเสสหรือไม่
  • ผู้วินิจฉัย 3:5 - ชาวอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส
  • ผู้วินิจฉัย 3:6 - ชาวอิสราเอลรับหญิงสาวของพวกเขามาเป็นภรรยา หญิงอิสราเอลก็แต่งงานกับหนุ่มชาติต่างๆ เหล่านั้น และเหล่าประชากรได้ไปปรนนิบัติพระของพวกเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:7 - ชนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและได้ปรนนิบัติพระบาอัลและเจ้าแม่อาเชราห์
  • ผู้วินิจฉัย 3:8 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลอย่างมาก ถึงกับทรงขายพวกเขาไว้ในมือของกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมนาหะราอิม อิสราเอลตกอยู่ใต้อำนาจของเขาเป็นเวลาแปดปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:9 - แต่เมื่อพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงตั้งโอทนีเอลบุตรเคนัสน้องชายของคาเลบให้ช่วยกู้พวกเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:10 - พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือโอทนีเอล เขาจึงเป็นผู้วินิจฉัย ของอิสราเอลและออกรบ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมไว้ในมือของโอทนีเอล ซึ่งรบชนะเขา
  • ผู้วินิจฉัย 3:11 - ดังนั้นดินแดนนี้จึงมีความสงบสุขอยู่สี่สิบปี จนกระทั่งโอทนีเอลบุตรเคนัสสิ้นชีวิต
  • ผู้วินิจฉัย 3:12 - แล้วประชากรอิสราเอลก็หวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับมีอำนาจเหนืออิสราเอล
  • ผู้วินิจฉัย 3:13 - เมื่อกษัตริย์เอกโลนได้ชาวอัมโมนและชาวอามาเลขมาสมทบ ก็ยกมาโจมตีอิสราเอล และยึดครองเมืองแห่งต้นอินทผลัม ได้
  • ผู้วินิจฉัย 3:14 - ชาวอิสราเอลต้องขึ้นกับกษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับเป็นเวลาสิบแปดปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:15 - อิสราเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์ประทานผู้กอบกู้คือเอฮูดซึ่งเป็นคนถนัดซ้าย เอฮูดเป็นบุตรเกราชาวเบนยามิน ชนอิสราเอลให้เขานำส่วยไปมอบแก่กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับ
  • ผู้วินิจฉัย 3:16 - เอฮูดได้เตรียมดาบสองคมยาว 1 ศอก เล่มหนึ่งเหน็บไว้ที่ต้นขาขวาใต้เสื้อผ้า
  • ผู้วินิจฉัย 3:17 - เขานำส่วยไปมอบให้กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับซึ่งเป็นคนที่อ้วนมาก
  • ผู้วินิจฉัย 3:18 - หลังจากเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว เขาก็ให้ผู้คนที่แบกหามส่วยมานั้นกลับไป
  • ผู้วินิจฉัย 3:19 - เมื่อมาถึงที่ตั้งรูปเคารพต่างๆ ใกล้กิลกาล เอฮูดก็กลับมาหาเอกโลนและทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพระบาทมีความลับจะกราบทูล” เอกโลนกล่าวว่า “จงเงียบ!” คนของเอกโลนก็ออกไปหมด
  • ผู้วินิจฉัย 3:20 - เอฮูดเดินเข้าไปหากษัตริย์เอกโลนซึ่งประทับนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องชั้นบนของพระราชวังฤดูร้อน แล้วทูลว่า “ข้าพระบาทมีพระดำรัสจากพระเจ้าสำหรับฝ่าพระบาท” เอกโลนจึงลุกขึ้น
  • ผู้วินิจฉัย 3:21 - เอฮูดยื่นมือซ้ายชักดาบจากต้นขาขวาออกมาและแทงหน้าท้องของกษัตริย์เอกโลน
  • ผู้วินิจฉัย 3:22 - ดาบจมมิดด้ามทะลุหลัง เอฮูดไม่ได้ชักดาบกลับ ไขมันอาบดาบ
  • ผู้วินิจฉัย 3:23 - แล้วเอฮูดออกไปทางเฉลียง เขาปิดประตูห้องชั้นบนและลั่นกุญแจไว้
  • ผู้วินิจฉัย 3:24 - หลังจากเขาไปแล้ว เหล่าบริวารมาเห็นประตูห้องชั้นบนลั่นกุญแจไว้ พวกเขาจึงกล่าวว่า “พระราชาคงจะปลดทุกข์อยู่ที่ห้องชั้นใน”
  • ผู้วินิจฉัย 3:25 - พวกเขาคอยอยู่นานจนรู้สึกวุ่นวายใจ แต่กษัตริย์เอกโลนก็ไม่ได้เปิดประตูออกมา พวกเขาจึงหากุญแจมาเปิด ก็พบเจ้านายของตนนอนสิ้นชีวิตอยู่ที่พื้น
  • ผู้วินิจฉัย 3:26 - ขณะที่พวกเขารออยู่นั้น เอฮูดได้หลบหนีผ่านที่ตั้งรูปเคารพมาถึงเสอีราห์
  • ผู้วินิจฉัย 3:27 - เมื่อมาถึงที่นั่น เอฮูดก็เป่าแตรเขาสัตว์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ชนอิสราเอลก็ลงมาจากภูเขาต่างๆ โดยมีเอฮูดนำหน้า
  • ผู้วินิจฉัย 3:28 - เขาบัญชาว่า “จงตามข้าพเจ้ามา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบชาวโมอับศัตรูของท่านไว้ในมือของท่านแล้ว” พวกเขาจึงตามเอฮูดลงไปยึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนซึ่งนำไปสู่โมอับ สกัดไม่ให้ผู้ใดข้ามไปมา
  • ผู้วินิจฉัย 3:29 - ครั้งนั้นพวกเขาสังหารชาวโมอับนับหมื่นคนซึ่งล้วนแต่แข็งแรงและมีกำลัง ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดไปแม้สักคนเดียว
  • ผู้วินิจฉัย 3:30 - โมอับจึงขึ้นกับอิสราเอลนับตั้งแต่นั้นมา แล้วแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาแปดสิบปี
  • ผู้วินิจฉัย 3:31 - ถัดจากเอฮูดคือชัมการ์บุตรอานาท เขาใช้ประตักวัวอันเดียวฆ่าชาวฟีลิสเตียหกร้อยคน เขาก็เป็นผู้กอบกู้อิสราเอลเช่นเดียวกัน
  • 2ซามูเอล 8:1 - ต่อมาดาวิดทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียอย่างราบคาบ พระองค์ยึดเมืองเมเธกอัมมาห์จากฟีลิสเตีย
  • 2ซามูเอล 8:2 - ดาวิดยังได้ทรงพิชิตชาวโมอับ จับเชลยนอนเรียงแถวบนพื้นแล้ววัดด้วยสายวัด ทุกๆ สองช่วงของสายวัดเชลยที่นอนอยู่ในสองช่วงนั้นจะถูกประหาร และจะไว้ชีวิตเชลยที่อยู่ในช่วงที่สาม ชาวโมอับจึงขึ้นแก่ดาวิดและต้องส่งเครื่องบรรณาการ
  • 2ซามูเอล 8:3 - ยิ่งกว่านั้นดาวิดยังทรงสู้รบกับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์ เมื่อฮาดัดเอเซอร์เสด็จไปกู้อำนาจคืนในแถบแม่น้ำยูเฟรติส
  • 2ซามูเอล 8:4 - ดาวิดทรงยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน พลรถรบเจ็ดพันคน และทหารราบสองหมื่นคน ทรงตัดเอ็นขาม้าศึกทั้งหมด ยกเว้นม้าสำหรับเทียมรถหนึ่งร้อยตัว
  • 2ซามูเอล 8:5 - เมื่อชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงสังหารพวกเขาไป 22,000 คน
  • 2ซามูเอล 8:6 - ทรงวางกำลังทหารไว้ในอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัส และชาวอารัมก็ขึ้นกับดาวิด และต้องส่งบรรณาการมาถวาย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน
  • 2ซามูเอล 8:7 - ดาวิดทรงนำโล่ทองคำของบรรดานายทหารของฮาดัดเอเซอร์มายังกรุงเยรูซาเล็ม
  • 2ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดยังได้นำทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลจากเมืองเทบาห์ และจากเมืองเบโรธัยของฮาดัดเอเซอร์มาด้วย
  • 2ซามูเอล 8:9 - เมื่อกษัตริย์โทอู แห่งเมืองฮามัทได้ข่าวว่าดาวิดทรงรบชนะทั้งกองทัพของฮาดัดเอเซอร์
  • 2ซามูเอล 8:10 - ก็ส่งโยรัม ราชโอรสมาถวายคำนับกษัตริย์ดาวิดและร่วมยินดีในชัยชนะเหนือฮาดัดเอเซอร์ เพราะฮาดัดเอเซอร์และโทอูเป็นศัตรูขับเคี่ยวกันมา โยรัมนำเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องทองสัมฤทธิ์มาถวายด้วย
  • 2ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดทรงถวายสิ่งเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับเงินและทองซึ่งริบจากชนชาติต่างๆ ที่ดาวิดพิชิตคือ
  • 2ซามูเอล 8:12 - เอโดม โมอับ อัมโมน ฟีลิสเตีย และอามาเลข ตลอดจนของเชลยที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์
  • 2ซามูเอล 8:13 - และหลังจากที่ดาวิดทรงประหารชาวเอโดม ที่หุบเขาเกลือไป 18,000 คน ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดัง
  • 2ซามูเอล 8:14 - ดาวิดทรงวางกำลังทหารไว้ในเอโดม และชาวเอโดมทั้งปวงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ( 1พศด.18:14-17 )
  • 2ซามูเอล 8:15 - ดาวิดทรงปกครองทั่วแดนอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมเพื่อปวงประชากรของพระองค์
  • 2ซามูเอล 8:16 - โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง
  • 2ซามูเอล 8:17 - ศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรอาห์เป็นราชเลขา
  • 2ซามูเอล 8:18 - เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาดูแลพวกเคเรธีและคนเปเลท และบรรดาโอรสของดาวิดเป็นราชมนตรี
  • กันดารวิถี 22:1 - แล้วประชากรอิสราเอลเดินทางมาถึงที่ราบโมอับ และตั้งค่ายพักริมแม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยรีโค
  • กันดารวิถี 22:2 - ฝ่ายบาลาคบุตรศิปโปร์ได้เห็นการทั้งปวงซึ่งอิสราเอลทำแก่ชาวอาโมไรต์
  • กันดารวิถี 22:3 - และโมอับหวาดผวาเนื่องจากอิสราเอลมีกำลังคนมากมาย โมอับคร้ามกลัวชนอิสราเอลอย่างยิ่ง
  • กันดารวิถี 22:4 - ชาวโมอับจึงหารือกับบรรดาผู้นำมีเดียนว่า “ฝูงชนนี้จะมากลืนกินทุกอย่างเหมือนวัวกินหญ้า” ดังนั้นบาลาคบุตรศิปโปร์ผู้เป็นกษัตริย์โมอับในเวลานั้น
  • กันดารวิถี 22:5 - จึงส่งผู้สื่อสารไปเรียกตัวบาลาอัมบุตรเบโอร์ ซึ่งอยู่ที่เปโธร์บ้านเกิดเมืองนอนของเขาใกล้แม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์บาลาคกล่าวว่า “ชนชาติหนึ่งออกมาจากอียิปต์ แห่กันมามืดฟ้ามัวดินและมาประชิดแดนข้าพเจ้าแล้ว
  • กันดารวิถี 22:6 - โปรดมาแช่งคนเหล่านี้ให้เราด้วยเพราะพวกเขาแข็งแกร่งเกินกำลังของเรา เผื่อว่าเราจะได้ขับไล่พวกเขาออกจากดินแดน เพราะเราทราบมาว่าทุกคนที่ท่านอวยพรก็ได้รับพร ส่วนคนที่ท่านสาปแช่งก็ต้องคำสาป”
  • กันดารวิถี 22:7 - เหล่าผู้อาวุโสของโมอับและมีเดียนจึงจากไปและนำเงินค่าคำสาปไปด้วย เมื่อมาพบบาลาอัม ก็แจ้งตามที่บาลาคกล่าว
  • กันดารวิถี 22:8 - บาลาอัมกล่าวว่า “เชิญพักค้างคืนที่นี่ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะนำคำตอบที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้” ดังนั้นพวกเจ้านายแห่งโมอับจึงพักอยู่ด้วย
  • กันดารวิถี 22:9 - พระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมและตรัสถามว่า “คนเหล่านี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใคร?”
  • กันดารวิถี 22:10 - บาลาอัมทูลพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับส่งข่าวมาว่า
  • กันดารวิถี 22:11 - ‘ชนชาติหนึ่งที่ออกมาจากอียิปต์อย่างมืดฟ้ามัวดิน บัดนี้ขอเชิญท่านไปสาปแช่งพวกเขาให้เรา เผื่อว่าเราจะสามารถสู้รบและขับไล่พวกเขาออกไปได้’ ”
  • กันดารวิถี 22:12 - แต่พระเจ้าตรัสกับบาลาอัมว่า “อย่าไปกับพวกนั้น เจ้าจะสาปแช่งคนเหล่านั้นไม่ได้เพราะพวกเขาได้รับพรแล้ว”
  • กันดารวิถี 22:13 - เช้าวันรุ่งขึ้นบาลาอัมลุกขึ้นและบอกเจ้านายที่บาลาคส่งมาว่า “กลับไปประเทศของพวกท่านเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปกับพวกท่าน”
  • กันดารวิถี 22:14 - ดังนั้นเจ้านายชาวโมอับจึงกลับไปรายงานบาลาคว่า “บาลาอัมไม่ยอมมากับพวกเรา”
  • กันดารวิถี 22:15 - บาลาคพยายามอีกครั้ง โดยส่งกองเกียรติยศยิ่งกว่าครั้งก่อนมา
  • กันดารวิถี 22:16 - พวกเขามาแจ้งบาลาอัมว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กล่าวว่า อย่าให้มีสิ่งใดมาขัดขวางไม่ให้ท่านมาหาเรา
  • กันดารวิถี 22:17 - เพราะเราจะตอบแทนท่านอย่างงาม และทำตามทุกอย่างที่ท่านบอก มาแช่งชนชาตินี้ให้เราเถิด”
  • กันดารวิถี 22:18 - แต่บาลาอัมตอบว่า “แม้บาลาคจะยกปราสาทที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้ ข้าพเจ้าก็ไม่อาจทำสิ่งใดนอกเหนือพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
  • กันดารวิถี 22:19 - เอาเถอะ เชิญค้างคืนที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะดูว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะตรัสอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่”
  • กันดารวิถี 22:20 - คืนนั้นพระเจ้าเสด็จมาตรัสกับบาลาอัมว่า “ในเมื่อคนเหล่านี้มาเรียกเจ้า ก็จงไปกับเขา แต่จงทำตามที่เราสั่งเท่านั้น”
  • กันดารวิถี 22:21 - ครั้นรุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้นผูกอานลาไปกับพวกเจ้านายของโมอับ
  • กันดารวิถี 22:22 - แต่พระเจ้าทรงพระพิโรธบาลาอัม ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายืนดักอยู่กลางถนนเพื่อขัดขวางเขา บาลาอัมขี่ลาไปและมีคนรับใช้สองคนไปด้วย
  • กันดารวิถี 22:23 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบอยู่กลางทาง ก็เบี่ยงออกนอกทางเข้าไปในทุ่งนา แต่บาลาอัมตีลาเพื่อบังคับให้มันกลับเข้าทางเดิม
  • กันดารวิถี 22:24 - จากนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายืนอยู่ตรงทางแคบระหว่างกำแพงรั้วสวนองุ่นสองฟาก
  • กันดารวิถี 22:25 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เบียดตัวชิดรั้วทำให้เท้าของบาลาอัมกระแทกกับกำแพงรั้ว เขาจึงตีลาอีก
  • กันดารวิถี 22:26 - แล้วทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าล่วงหน้าไปและยืนอยู่ตรงที่แคบซึ่งลาไม่สามารถจะหันไปทางไหนได้เลย
  • กันดารวิถี 22:27 - เมื่อลาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็หมอบลงโดยที่บาลาอัมยังนั่งอยู่บนหลัง เขาจึงโกรธและเอาไม้เท้าตีลาอีก
  • กันดารวิถี 22:28 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดปากลา ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรท่านหรือจึงมาตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง?”
  • กันดารวิถี 22:29 - บาลาอัมตอบว่า “ก็เจ้าน่ะสิ ทำให้เรากลายเป็นอ้ายงั่ง! ถ้าเรามีดาบสักเล่มอยู่ในมือ เราจะฆ่าเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”
  • กันดารวิถี 22:30 - ลากล่าวกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่านซึ่งท่านขี่มาจนถึงตอนนี้หรือ? ข้าพเจ้าเคยทำกับท่านเช่นนี้มาก่อนหรือเปล่า?” เขาตอบว่า “ไม่เคย”
  • กันดารวิถี 22:31 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดตาของบาลาอัม เขาเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบอยู่กลางทาง เขาก็ทรุดกายและหมอบกราบซบหน้าลง
  • กันดารวิถี 22:32 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงตีลาถึงสามครั้ง? เรามาขัดขวางเจ้าเพราะเจ้ากำลังผลีผลามออกไปนอกลู่นอกทาง
  • กันดารวิถี 22:33 - ลาเห็นเรา แล้วก็หลบเลี่ยงไปถึงสามครั้ง ไม่เช่นนั้นเราคงประหารเจ้าแน่นอน และปล่อยให้ลารอดชีวิตไป”
  • กันดารวิถี 22:34 - บาลาอัมกล่าวกับทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่กลางทางเพื่อขัดขวางข้าพเจ้า ถ้าท่านไม่อยากให้ข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็จะกลับ”
  • กันดารวิถี 22:35 - ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับบาลาอัมว่า “จงไปกับคนเหล่านี้เถิด แต่จงพูดตามที่เราสั่งเท่านั้น” ดังนั้นบาลาอัมจึงไปกับพวกเจ้านายที่บาลาคส่งมา
  • กันดารวิถี 22:36 - เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมาก็ออกมาพบที่ชายแดน คือที่เมืองของชาวโมอับ ริมแม่น้ำอารโนน
  • กันดารวิถี 22:37 - บาลาคกล่าวกับบาลาอัมว่า “เราส่งคนไปเชิญท่านมาโดยด่วนไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงไม่ยอมมา? เราไม่สามารถปูนบำเหน็จแก่ท่านหรือ?”
  • กันดารวิถี 22:38 - บาลาอัมตอบว่า “ข้าพเจ้ามาแล้วก็จริง แต่ไม่อาจพูดอะไรได้ ต้องพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในปากของข้าพเจ้าเท่านั้น”
  • กันดารวิถี 22:39 - แล้วบาลาอัมก็ร่วมทางไปกับบาลาคถึงที่คีริยาทหุโซท
  • กันดารวิถี 22:40 - บาลาคเอาวัวและแกะถวายบูชา และยกบางส่วนให้บาลาอัมกับเหล่าเจ้านายที่มาด้วย
  • กันดารวิถี 22:41 - วันรุ่งขึ้นบาลาคพาบาลาอัมขึ้นไปบนบาโมทบาอัลซึ่งเขามองลงมาเห็นประชากรอิสราเอลบางส่วน
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 2:9 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าไปรบกวนหรือยั่วยุชาวโมอับให้ทำสงคราม เพราะเราจะไม่ยกดินแดนส่วนใดของเขาให้เจ้า เราได้ยกดินแดนอาร์ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่วงศ์วานของโลทแล้ว”
圣经
资源
计划
奉献