逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - ในขณะที่พวกคนชั่วเดินวางมาดกันไปทั่วทุกหนแห่ง และความชั่วช้าได้รับการยกย่องในหมู่มนุษย์
- 新标点和合本 - 下流人在世人中升高, 就有恶人到处游行。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 卑鄙的人在世人中高升时, 就有恶人四处横行。
- 和合本2010(神版-简体) - 卑鄙的人在世人中高升时, 就有恶人四处横行。
- 当代译本 - 众人若抑善扬恶, 恶人必横行无忌。
- 圣经新译本 - 恶人到处横行, 邪恶在世人中被高举。
- 中文标准译本 - 卑劣的事在世人中受尊崇时, 恶人就四处横行。
- 现代标点和合本 - 下流人在世人中升高, 就有恶人到处游行。
- 和合本(拼音版) - 下流人在世人中升高, 就有恶人到处游行。
- New International Version - who freely strut about when what is vile is honored by the human race.
- New International Reader's Version - Proud and sinful people walk around openly when the evil they do is praised by the human race.
- English Standard Version - On every side the wicked prowl, as vileness is exalted among the children of man.
- New Living Translation - even though the wicked strut about, and evil is praised throughout the land.
- Christian Standard Bible - The wicked prowl all around, and what is worthless is exalted by the human race.
- New American Standard Bible - The wicked strut about on every side When vileness is exalted among the sons of mankind.
- New King James Version - The wicked prowl on every side, When vileness is exalted among the sons of men.
- Amplified Bible - The wicked strut about [in pompous self-importance] on every side, As vileness is exalted and baseness is prized among the sons of men.
- American Standard Version - The wicked walk on every side, When vileness is exalted among the sons of men.
- King James Version - The wicked walk on every side, when the vilest men are exalted.
- New English Translation - for the wicked seem to be everywhere, when people promote evil.
- World English Bible - The wicked walk on every side, when what is vile is exalted among the sons of men.
- 新標點和合本 - 下流人在世人中升高, 就有惡人到處遊行。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 卑鄙的人在世人中高升時, 就有惡人四處橫行。
- 和合本2010(神版-繁體) - 卑鄙的人在世人中高升時, 就有惡人四處橫行。
- 當代譯本 - 眾人若抑善揚惡, 惡人必橫行無忌。
- 聖經新譯本 - 惡人到處橫行, 邪惡在世人中被高舉。
- 呂振中譯本 - 雖有惡人到處橫行, 你卻輕蔑下流人像蛆蟲 。
- 中文標準譯本 - 卑劣的事在世人中受尊崇時, 惡人就四處橫行。
- 現代標點和合本 - 下流人在世人中升高, 就有惡人到處遊行。
- 文理和合譯本 - 庸劣居於人上、惡者隨在而遨遊兮、
- 文理委辦譯本 - 維彼惡人、以遨以遊、若狂風之驟起兮。
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 卑陋人升居高位、各處有惡人傲然而行、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 主必濟窮民。莫隨斯世溺。
- Nueva Versión Internacional - aun cuando los malvados sigan merodeando, y la maldad sea exaltada en este mundo.
- 현대인의 성경 - 더럽고 추한 일이 판을 치는 때에 악인들이 곳곳에 우글거리고 있습니다.
- La Bible du Semeur 2015 - Eternel, toi, tu nous gardes et tu nous protégeras ╵toujours contre ces individus.
- リビングバイブル - たとえ、悪者が周囲をうろつき、 国中に不道徳が横行しようとも。
- Nova Versão Internacional - Os ímpios andam altivos por toda parte, quando a corrupção é exaltada entre os homens.
- Hoffnung für alle - Du, Herr, gibst uns Sicherheit und wirst uns für immer vor diesen selbstherrlichen Menschen beschützen.
- Kinh Thánh Hiện Đại - dù người ác chỉ tự do thao túng, và việc đê hèn được loài người ca tụng.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - คนชั่วเพ่นพ่านอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อความชั่วช้าเลวทรามเป็นที่ยกย่องในหมู่มนุษย์
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - คนชั่วเหิมเกริมอย่างเสรี ขณะเดียวกับที่ความน่าทุเรศเป็นที่ยกย่องในบรรดาบุตรของมนุษย์
- Thai KJV - คนชั่วก็เพ่นพ่านไปมาอยู่รอบด้าน ขณะเมื่อมีการยกย่องคนชั่วช้าที่สุด
交叉引用
- ผู้วินิจฉัย 9:18 - แต่ในวันนี้พวกท่านได้ลุกขึ้นมาทำลายครอบครัวของพ่อข้า และได้ฆ่าลูกชายทั้งเจ็ดสิบคนของเขาบนหินก้อนเดียว และตั้งอาบีเมเลคลูกชายของทาสหญิงเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกผู้นำชาวเชเคม เพราะเขาเป็นญาติของพวกท่าน)
- ผู้วินิจฉัย 9:19 - ถ้าท่านได้ทำไปด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขาในวันนี้ ก็ขอให้มีความสุขกับอาบีเมเลค และขอให้เขามีความสุขกับพวกท่านด้วย
- ผู้วินิจฉัย 9:20 - แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค และเผาผลาญพวกผู้นำเมืองเชเคมและเบธ-มิลโล และขอให้ไฟออกมาจากผู้นำเชเคมและเบธ-มิลโลเผาผลาญอาบีเมเลค”
- ผู้วินิจฉัย 9:21 - แล้วโยธามก็วิ่งหนีไป เขาได้ไปที่เมืองเบเออร์และอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะเขากลัวอาบีเมเลคพี่ชายของเขา
- ผู้วินิจฉัย 9:22 - อาบีเมเลคปกครองชาวอิสราเอลอยู่สามปี
- ผู้วินิจฉัย 9:23 - แต่พระเจ้าได้ส่งวิญญาณชั่วมาทำให้อาบีเมเลคกับพวกผู้นำชาวเชเคมเกลียดกัน และพวกผู้นำเชเคมก็ก่อการกบฏต่อเขา
- ผู้วินิจฉัย 9:24 - ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพระเจ้าต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นกับพวกเขา เหมือนที่เขาทำกับลูกของเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนนั้น และพระเจ้าต้องการให้เลือดของทั้งเจ็ดสิบคนนั้นตกลงบนอาบีเมเลคพี่น้องของพวกเขา เพราะอาบีเมเลคเป็นคนฆ่าพี่น้องพวกนั้นของเขา และพระเจ้าต้องการให้เลือดนั้นตกกับพวกผู้นำของเชเคมด้วย เพราะมีส่วนสนับสนุนให้อาบีเมเลคฆ่าพวกพี่น้องของตัวเอง
- ผู้วินิจฉัย 9:25 - ดังนั้นพวกผู้นำของเชเคม จึงได้วางคนไว้ซุ่มโจมตีอาบีเมเลคบนพวกยอดเขา และพวกเขาก็ปล้นทุกคนที่ผ่านมาทางนั้น และมีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้อาบีเมเลครู้
- ผู้วินิจฉัย 9:26 - เมื่อกาอัลลูกชายของเอเบคกับญาติๆของเขาย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเชเคม พวกผู้นำของเชเคมก็ไว้ใจเขา
- ผู้วินิจฉัย 9:27 - วันหนึ่งชาวเชเคมก็ออกไปในทุ่งนา แล้วไปเก็บผลองุ่นจากสวนองุ่นของพวกเขาและย่ำองุ่นเพื่อทำเหล้าองุ่น และพวกเขาก็เฉลิมฉลองกัน พวกเขาเข้าไปในวิหารของพระของพวกเขาและดื่มกินกัน และสาปแช่งอาบีเมเลค
- ผู้วินิจฉัย 9:28 - กาอัลลูกชายเอเบคพูดว่า “อาบีเมเลคเป็นใครกัน เราชาวเชเคมถึงต้องไปรับใช้มัน มันเป็นลูกของเยรุบบาอัลไม่ใช่หรือ และเศบุลก็เป็นเจ้าหน้าที่ของมัน มารับใช้คนของฮาโมร์ พ่อของเชเคมกันดีกว่า ทำไมเราต้องไปรับใช้อาบีเมเลคด้วย
- ผู้วินิจฉัย 9:29 - ถ้าคนเมืองนี้อยู่ใต้การปกครองของข้า ข้าจะถอดอาบีเมเลค” แล้วเขาก็ท้าอาบีเมเลคว่า “เตรียมกองทัพของเจ้า แล้วออกมาสู้กับข้า”
- ผู้วินิจฉัย 9:30 - เศบุล เจ้าเมืองได้ยินสิ่งที่กาอัลลูกชายเอเบคพูดก็โกรธ
- ผู้วินิจฉัย 9:31 - เขาจึงส่งพวกผู้ส่งข่าวไปหาอาบีเมเลคที่เมืองอารูมาห์ พวกเขาบอกว่า
- ผู้วินิจฉัย 9:32 - ดังนั้น ตอนนี้ ให้ท่านและกองทัพที่อยู่กับท่าน ลุกขึ้นในตอนกลางคืน และให้มานอนคอยดักซุ่มอยู่ในท้องทุ่ง
- ผู้วินิจฉัย 9:33 - พอถึงตอนเช้า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ให้ท่านจัดแจงรีบบุกเข้าไปในเมือง และเมื่อกาอัลกับกองทัพที่อยู่กับเขา ออกมาต่อสู้กับท่าน ก็จัดการกับเขาได้ตามใจชอบเลย”
- ผู้วินิจฉัย 9:34 - ดังนั้นอาบีเมเลคและกองทัพของเขาจึงลุกขึ้นในตอนกลางคืน และแบ่งออกเป็นสี่กอง ไปคอยดักซุ่มชาวเชเคมอยู่
- ผู้วินิจฉัย 9:35 - เมื่อกาอัลลูกชายเอเบคออกมายืนที่ประตูทางเข้าเมือง อาบีเมเลคและกองทัพของเขาก็ลุกขึ้นจากที่ซ่อน
- ผู้วินิจฉัย 9:36 - เมื่อกาอัลเห็นกองทัพ เขาพูดกับเศบุลว่า “ดูสิ มีคนกำลังวิ่งลงมาจากยอดเขา” เศบุลตอบเขาว่า “ท่านเห็นเงาของภูเขาเป็นคน”
- ผู้วินิจฉัย 9:37 - กาอัลพูดอีกว่า “ดูสิ มีคนกำลังวิ่งลงมาจากสะดือแผ่นดิน และอีกกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาจากต้นโอ๊กของพวกหมอดู”
- ผู้วินิจฉัย 9:38 - เศบุลพูดกับเขาว่า “ปากที่ขี้คุยของท่านหายไปไหนแล้ว ท่านพูดว่าอาบีเมเลคเป็นใคร เราถึงจะต้องไปรับใช้มัน คนพวกนี้ไม่ใช่หรือ ที่ท่านเยาะเย้ย ออกไปสู้กับพวกเขาสิ”
- ผู้วินิจฉัย 9:39 - ดังนั้นกาอัลจึงนำหน้าพวกผู้นำของเชเคม ออกไปต่อสู้กับอาบีเมเลค
- ผู้วินิจฉัย 9:40 - อาบีเมเลคไล่ตามกาอัล และกาอัลก็หนีไปต่อหน้าเขา มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ตลอดไปจนถึงประตูทางเข้าเมือง
- ผู้วินิจฉัย 9:41 - ดังนั้นอาบีเมเลคจึงนั่งปกครองอยู่ที่เมืองอารูมาห์ และเศบุลก็ขับไล่กาอัลกับพวกญาติๆของเขาออกไปจากเชเคม
- ผู้วินิจฉัย 9:42 - วันต่อมาชาวเมืองได้ออกไปที่ท้องทุ่ง และมีคนเอาเรื่องนี้มาบอกอาบีเมเลค
- ผู้วินิจฉัย 9:43 - เขาจึงแบ่งกองทัพของเขาออกเป็นสามกลุ่ม ไปคอยแอบซุ่มอยู่ในท้องทุ่ง เมื่อเขามองเห็นชาวเมืองออกมาจากเมือง เขาก็ลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา
- ผู้วินิจฉัย 9:44 - อาบีเมเลคกับทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่กับเขาก็รีบบุกเข้าไป และยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าเมือง ส่วนทหารอีกสองกลุ่มก็รุกเข้าโจมตีคนทั้งหมดที่อยู่ในท้องทุ่ง
- ผู้วินิจฉัย 9:45 - อาบีเมเลคได้ต่อสู้กับเมืองเชเคมตลอดทั้งวัน ในที่สุดเขาก็ยึดเมืองได้ และฆ่าคนที่อยู่ในเมืองนั้น พร้อมกับทำลายเมืองทิ้งไป และโปรยเกลือลงไป
- ผู้วินิจฉัย 9:46 - เมื่อผู้นำที่อยู่ในหอคอยเชเคมได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็หนีเข้าไปอยู่ในส่วนที่แข็งแรงกว่าในวิหารของเอลเบรีท
- ผู้วินิจฉัย 9:47 - มีคนมาบอกอาบีเมเลคว่าพวกผู้นำของหอคอยเชเคมรวมตัวกันอยู่
- ผู้วินิจฉัย 9:48 - ดังนั้นอาบีเมเลคพร้อมกับทหารที่อยู่กับเขา จึงขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน เขาเอาพวกขวานไปด้วย และเขาก็ตัดไม้มากองหนึ่ง แล้วแบกไว้บนบ่ากลับมา เขาบอกกับทหารที่อยู่กับเขาว่า “รีบๆทำตามอย่างข้า”
- ผู้วินิจฉัย 9:49 - แล้วทหารทุกคนก็ตัดไม้มาคนละกอง และตามอาบีเมเลคไป แล้วพวกเขาก็เอาไม้ไปวางพิงไว้ตรงห้องที่แข็งแรงที่สุดของวิหารของเอลเบรีท แล้วจุดไฟเผา ทำให้คนเชเคมที่อยู่ในห้องที่แข็งแรงนั้นตายกันหมด ทั้งชายและหญิงประมาณหนึ่งพันคน
- ผู้วินิจฉัย 9:50 - จากนั้นอาบีเมเลคก็ไปเมืองเธเบศ และล้อมเมืองและยึดเมืองเอาไว้ได้
- ผู้วินิจฉัย 9:51 - แต่ในเมืองมีป้อมที่แข็งแรงอยู่ ชาวเมืองทั้งชายและหญิงรวมทั้งผู้นำของเมืองนั้นก็หนีกันไปอยู่ที่นั่น และปิดประตูขังตัวเองอยู่ข้างใน และพวกเขาก็ขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าของป้อม
- ผู้วินิจฉัย 9:52 - อาบีเมเลคมาถึงป้อมและต่อสู้กัน และเข้าปะชิดทางเข้าของป้อมเพื่อเอาไฟเผามัน
- ผู้วินิจฉัย 9:53 - แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งโยนโม่หินลงมาบนหัวของอาบีเมเลคและทำให้กะโหลกของเขาแตก
- ผู้วินิจฉัย 9:54 - อาบีเมเลครีบเรียกชายหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาเข้ามาและบอกกับชายหนุ่มนั้นว่า “ชักดาบของเจ้าออกมาฆ่าเราซะ เพื่อคนจะได้ไม่พูดถึงเราว่า ‘เขาถูกผู้หญิงฆ่าตาย’” ดังนั้นคนรับใช้หนุ่มคนนั้นของเขาก็แทงเขาและเขาก็ตาย
- ผู้วินิจฉัย 9:55 - เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคตายแล้ว พวกเขาต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปที่อยู่ของตน
- ผู้วินิจฉัย 9:56 - ดังนั้นพระเจ้าได้ตอบแทนความชั่วร้ายของอาบีเมเลคที่เขาทำต่อพ่อของเขา ตอนที่ฆ่าพี่น้องทั้งเจ็ดสิบคนของเขาเอง
- ผู้วินิจฉัย 9:57 - และพระเจ้าได้ตอบแทนความชั่วร้ายทั้งหมดของชาวเชเคม คำสาปแช่งของโยธามบุตรเยรุบบาอัลก็เกิดขึ้นจริง
- 1 ซามูเอล 18:17 - ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “นี่คือเมราบลูกสาวคนโตของเรา เราจะให้นางแต่งงานกับเจ้า ขอเพียงรับใช้เราอย่างกล้าหาญและต่อสู้เพื่อพระยาห์เวห์” เพราะซาอูลคิดว่า “เราจะไม่ลงมือจัดการกับดาวิดเอง ปล่อยให้พวกฟีลิสเตียลงมือแทน”
- 1 ซามูเอล 18:18 - แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกเขยของกษัตริย์หรอก ข้าพเจ้าเป็นใครกัน ครอบครัวของข้าพเจ้าหรือตระกูลของพ่อข้าพเจ้าเป็นใครกันในอิสราเอล”
- โฮเชยา 5:11 - เอฟราอิมจะถูกลงโทษ พวกเขาจะถูกบีบจนบี้แบน เพราะเขาตั้งใจไล่ตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์
- สุภาษิต 29:12 - ผู้นำที่ฟังความเท็จ ข้าราชการของเขาก็พลอยชั่วช้าไปด้วย
- มีคาห์ 6:16 - พวกเจ้าทำตามกฎต่างๆของอมรี อย่างเคร่งครัด และเดินตามรอยสิ่งที่ครอบครัวอาหับ ทำ พวกเจ้าทำตามแบบอย่างต่างๆของพวกเขา ดังนั้นเราจะปล่อยให้เจ้าถูกทำลาย ผู้คนจะหัวเราะเยาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และพวกเจ้าจะต้องทนกับคำดูถูกจากชนชาติอื่นๆ”
- มาระโก 14:63 - นักบวชสูงสุดก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตน และพูดว่า “เรายังต้องการพยานอะไรอีก
- มาระโก 14:64 - พวกคุณก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทของมันแล้ว พวกคุณคิดว่ายังไง” พวกเขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์มีความผิดและสมควรตาย
- มาระโก 14:65 - บางคนถ่มน้ำลายใส่พระองค์ บางคนปิดหน้าพระองค์ ชกหน้าพระองค์ แล้วถามพระองค์ว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า ทายสิว่าใครเป็นคนทำ” และพวกผู้คุมก็พาพระองค์ไปทุบตี
- เอสเธอร์ 3:6 - เพราะเขารู้ว่าโมรเดคัยเป็นคนยิว เขาจึงคิดว่าฆ่าแค่โมรเดคัยคนเดียวไม่พอ ต้องกำจัดคนของโมรเดคัยด้วย คือชาวยิวทุกคนที่อาศัยอยู่ทั่วราชอาณาจักรของกษัตริย์อาหสุเอรัส
- เอสเธอร์ 3:7 - ในปีที่สิบสองที่กษัตริย์อาหสุเอรัสครองราชย์ ในเดือนแรก คือเดือนนิสาน ฮามานได้ทำการเสี่ยงทายเพื่อหาวันและเดือนที่จะกำจัดชาวยิว และมันก็ตกเป็นวันที่สิบสามของเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ (ในสมัยนั้นสิ่งที่ใช้ในการเสี่ยงทายนี้ มีชื่อเรียกว่า “เปอร์”)
- เอสเธอร์ 3:8 - ฮามานพูดกับกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่กระจัดกระจายอาศัยอยู่ทั่วทุกมณฑลในราชอาณาจักรของพระองค์ แต่พวกเขาแยกตัวออกจากคนอื่น กฎหมายของพวกเขาแตกต่างจากกฎหมายของคนอื่นๆทั้งหมด พวกนี้ไม่ยอมเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพระองค์ที่จะเก็บคนพวกนั้นไว้
- เอสเธอร์ 3:9 - ถ้าพระองค์เห็นดีด้วย ขอพระองค์เขียนเป็นกฎออกมาให้ทำลายคนพวกนี้เสีย และข้าพเจ้าจะถวายเงินประมาณสามร้อยสี่สิบห้าตัน ให้กับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์เพื่อเอาไปเก็บไว้ในคลังหลวง”
- เอสเธอร์ 3:10 - กษัตริย์จึงถอดแหวนจากนิ้วมือของพระองค์ มอบให้กับฮามาน ลูกชายของฮัมเมดาธา ชาวอากัก ฮามานเป็นศัตรูของชาวยิว
- เอสเธอร์ 3:11 - กษัตริย์พูดกับฮามานว่า “เราจะมอบเงินและคนเหล่านั้นให้กับเจ้า เจ้าอยากจะทำอะไรกับพวกเขา ก็ไปทำได้เลย”
- เอสเธอร์ 3:12 - แล้วในวันที่สิบสามของเดือนแรก ฮามานได้เรียกพวกเสมียนของกษัตริย์มา และให้พวกเสมียนเขียนทุกอย่างตามที่เขาสั่ง พวกเขาเขียนเป็นภาษาของคนต่างๆเหล่านั้น และส่งไปยังพวกผู้ควบคุมภาค พวกผู้ว่าราชการของแต่ละมณฑล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของประชาชนทุกคนในทุกมณฑล คำสั่งนี้ได้เขียนขึ้นภายใต้ชื่อของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยแหวนของพระองค์
- เอสเธอร์ 3:13 - แล้วพวกผู้ส่งสารก็นำจดหมายเหล่านี้ไปแจกจ่ายตามมณฑลต่างๆทั่วทุกแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ ในจดหมายเขียนว่า “ให้ทำลายล้างและฆ่าชาวยิวทุกคนให้พินาศสิ้นไป ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ทั้งผู้หญิงและเด็กเล็กๆ ให้ลงมือในวันที่สิบสามของเดือนสิบสอง ซึ่งเป็นเดือนอาดาร์ และให้ยึดข้าวของทั้งหมดของพวกเขาไว้
- เอสเธอร์ 3:14 - พวกสำเนาของจดหมายคำสั่งนี้ ให้ประกาศเป็นกฎหมายออกไปทั่วทุกมณฑล และประกาศออกไปให้กับทุกชนชาติได้รับรู้ เพื่อทุกคนจะได้เตรียมพร้อมสำหรับวันนั้น”
- เอสเธอร์ 3:15 - คนส่งสารเหล่านั้น จึงรีบออกไปทำตามคำสั่งของกษัตริย์ ในขณะที่กฎหมายนี้ก็ได้ประกาศในเขตวังของเมืองสุสาเหมือนกัน พระองค์นั่งดื่มอยู่กับฮามาน ในขณะที่เมืองสุสาตกอยู่ในภาวะตื่นกลัว
- โยบ 30:8 - พวกมันเป็นคนถ่อย พวกกระจอกๆ ถูกแส้ไล่ออกไปจากแผ่นดิน’
- สดุดี 55:10 - ความรุนแรงและความขัดแย้งนั้นเป็นเหมือนยามเดินตรวจเวรอยู่บนกำแพงทั้งวันทั้งคืน ในขณะที่เมืองเต็มไปด้วยอาชญากรรมและการกระทำชั่วร้าย
- สดุดี 55:11 - มีแต่อาชญากรรมทั่วเมือง คนที่พูดโกหกและคดโกงไม่เคยขาดหายไปจากท้องถนน
- อิสยาห์ 32:4 - และจิตใจของคนใจร้อนก็จะได้คิดอย่างรอบคอบ และลิ้นของคนที่พูดติดอ่างก็จะพูดได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว
- อิสยาห์ 32:5 - จะไม่มีใครเรียกพวกคนโง่ว่าผู้สูงศักดิ์ และจะไม่มีใครเรียกคนชั่วว่าเป็นคนน่านับถือ
- อิสยาห์ 32:6 - เพราะคนโง่ก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ และจิตใจของพวกเขาก็วางแผนแต่เรื่องชั่วๆ ทำในสิ่งที่ขัดกับทางของพระเจ้า และพูดเท็จเรื่องของพระยาห์เวห์ พวกเขาปล่อยให้คนที่หิวโหย หิวต่อไป และไม่ให้น้ำกับคนที่กระหายน้ำดื่ม
- ดาเนียล 11:21 - คนต่อมาที่มาแทนพระองค์ เป็นคนที่น่ารังเกียจ ไม่มีเชื้อสายของกษัตริย์เลย เขาจะมาตอนที่ไม่มีใครคาดคิด แล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมของเขาชิงเอาบัลลังก์ไป