逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - เมื่อกฎของโมเสสเข้ามา ทำให้คนผิดกฎกันมากขึ้น แต่เมื่อบาปเพิ่มขึ้น ความเมตตากรุณาก็ยิ่งเพิ่มมากกว่านั้นอีก
- 新标点和合本 - 律法本是外添的,叫过犯显多;只是罪在哪里显多,恩典就更显多了。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 而且加添了律法,使得过犯增加,只是罪在哪里增加,恩典就在哪里越发丰盛了。
- 和合本2010(神版-简体) - 而且加添了律法,使得过犯增加,只是罪在哪里增加,恩典就在哪里越发丰盛了。
- 当代译本 - 律法的颁布,使过犯更多地显出来,只是哪里的罪越多,哪里的恩典就越丰富。
- 圣经新译本 - 律法的出现,是要叫过犯增多;然而罪在哪里增多,恩典就更加增多了。
- 中文标准译本 - 律法出现,为要使过犯增多;可是,罪在哪里增多,恩典就在哪里格外增多。
- 现代标点和合本 - 律法本是外添的,叫过犯显多;只是罪在哪里显多,恩典就更显多了。
- 和合本(拼音版) - 律法本是外添的,叫过犯显多;只是罪在哪里显多,恩典就更显多了。
- New International Version - The law was brought in so that the trespass might increase. But where sin increased, grace increased all the more,
- New International Reader's Version - The law was given so that sin would increase. But where sin increased, God’s grace increased even more.
- English Standard Version - Now the law came in to increase the trespass, but where sin increased, grace abounded all the more,
- New Living Translation - God’s law was given so that all people could see how sinful they were. But as people sinned more and more, God’s wonderful grace became more abundant.
- The Message - All that passing laws against sin did was produce more lawbreakers. But sin didn’t, and doesn’t, have a chance in competition with the aggressive forgiveness we call grace. When it’s sin versus grace, grace wins hands down. All sin can do is threaten us with death, and that’s the end of it. Grace, because God is putting everything together again through the Messiah, invites us into life—a life that goes on and on and on, world without end.
- Christian Standard Bible - The law came along to multiply the trespass. But where sin multiplied, grace multiplied even more
- New American Standard Bible - The Law came in so that the offense would increase; but where sin increased, grace abounded all the more,
- New King James Version - Moreover the law entered that the offense might abound. But where sin abounded, grace abounded much more,
- Amplified Bible - But the Law came to increase and expand [the awareness of] the trespass [by defining and unmasking sin]. But where sin increased, [God’s remarkable, gracious gift of] grace [His unmerited favor] has surpassed it and increased all the more,
- American Standard Version - And the law came in besides, that the trespass might abound; but where sin abounded, grace did abound more exceedingly:
- King James Version - Moreover the law entered, that the offence might abound. But where sin abounded, grace did much more abound:
- New English Translation - Now the law came in so that the transgression may increase, but where sin increased, grace multiplied all the more,
- World English Bible - The law came in that the trespass might abound; but where sin abounded, grace abounded more exceedingly;
- 新標點和合本 - 律法本是外添的,叫過犯顯多;只是罪在哪裏顯多,恩典就更顯多了。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 而且加添了律法,使得過犯增加,只是罪在哪裏增加,恩典就在哪裏越發豐盛了。
- 和合本2010(神版-繁體) - 而且加添了律法,使得過犯增加,只是罪在哪裏增加,恩典就在哪裏越發豐盛了。
- 當代譯本 - 律法的頒佈,使過犯更多地顯出來,只是哪裡的罪越多,哪裡的恩典就越豐富。
- 聖經新譯本 - 律法的出現,是要叫過犯增多;然而罪在哪裡增多,恩典就更加增多了。
- 呂振中譯本 - 律法溜了進來,使過犯增多;但罪在哪裏增多,恩典也就在哪裏格外地滿溢;
- 中文標準譯本 - 律法出現,為要使過犯增多;可是,罪在哪裡增多,恩典就在哪裡格外增多。
- 現代標點和合本 - 律法本是外添的,叫過犯顯多;只是罪在哪裡顯多,恩典就更顯多了。
- 文理和合譯本 - 且律既至、俾愆益增、罪既增、而恩愈洪矣、
- 文理委辦譯本 - 律法立、而罪之多以顯、亦罪多、而恩之洪益彰、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 律法立、致罪增益、然罪增益之處、恩寵更裕、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 夫法之所至罪之所彰也;而罪之所彰、恩亦彌盛。
- Nueva Versión Internacional - En lo que atañe a la ley, esta intervino para que aumentara la transgresión. Pero, allí donde abundó el pecado, sobreabundó la gracia,
- 현대인의 성경 - 율법이 들어와서 범죄가 늘어나게 되었으나 죄가 늘어난 곳에는 은혜도 더욱 풍성하였습니다.
- Новый Русский Перевод - Закон же пришел, чтобы умножилось преступление. Но там, где умножился грех, возникло и изобилие благодати,
- Восточный перевод - Закон же пришёл, чтобы умножилось преступление. Но там, где умножился грех, возникло и изобилие благодати,
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Закон же пришёл, чтобы умножилось преступление. Но там, где умножился грех, возникло и изобилие благодати,
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Закон же пришёл, чтобы умножилось преступление. Но там, где умножился грех, возникло и изобилие благодати,
- La Bible du Semeur 2015 - Quant à la Loi, elle est intervenue pour que le péché prolifère. Mais là où le péché a proliféré, la grâce a surabondé
- リビングバイブル - 律法が与えられてから、すべての人は、自分がいかに神のおきてに従えない存在か、よくわかるようになりました。しかし、私たちは、自分の罪深さを知れば知るほど、赦してくださる神の満ちあふれる恵みが、いっそうわかるようになるのです。
- Nestle Aland 28 - νόμος δὲ παρεισῆλθεν, ἵνα πλεονάσῃ τὸ παράπτωμα· οὗ δὲ ἐπλεόνασεν ἡ ἁμαρτία, ὑπερεπερίσσευσεν ἡ χάρις,
- unfoldingWord® Greek New Testament - νόμος δὲ παρεισῆλθεν, ἵνα πλεονάσῃ τὸ παράπτωμα; οὗ δὲ ἐπλεόνασεν ἡ ἁμαρτία, ὑπερεπερίσσευσεν ἡ χάρις,
- Nova Versão Internacional - A Lei foi introduzida para que a transgressão fosse ressaltada. Mas onde aumentou o pecado transbordou a graça,
- Hoffnung für alle - Das Gesetz aber kam erst später hinzu. Es sollte das volle Ausmaß von Adams Verfehlung ans Licht bringen. Denn wo sich die ganze Macht der Sünde zeigte, da erwies sich auch Gottes Barmherzigkeit in ihrer ganzen Größe.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Luật pháp của Đức Chúa Trời vạch trần quá nhiều tội lỗi. Nhưng chúng ta càng nhận tội, ơn phước của Đức Chúa Trời càng gia tăng.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - บทบัญญัติถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อที่การล่วงละเมิดจะมีมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปมากขึ้น พระคุณก็มีมากขึ้นยิ่งกว่านั้น
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เมื่อมีกฎบัญญัติขึ้น ผลที่ตามมาคือการละเมิดเพิ่มขึ้น แต่ที่ใดมีบาปเพิ่มขึ้น ที่นั้นพระคุณก็มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
- Thai KJV - เมื่อมีพระราชบัญญัติก็ทำให้มีการละเมิดพระราชบัญญัติปรากฏมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั่นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น
交叉引用
- 1 ทิโมธี 1:13 - ถึงแม้ว่าแต่ก่อนนี้ ผมเคยพูดดูหมิ่นพระองค์ ข่มเหงคนของพระองค์ และเป็นคนโหดร้าย แต่พระเจ้าก็ยังเมตตาผม เพราะเห็นว่าผมทำไปเพราะยังไม่เชื่อ และไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
- 1 ทิโมธี 1:14 - องค์เจ้าชีวิตของเราได้มอบความเมตตาพร้อมกับความเชื่อ และความรักที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ให้กับผมอย่างล้นเหลือ
- 1 ทิโมธี 1:15 - คำพูดนี้เชื่อถือได้และคุ้มค่าที่จะรับเอาไว้ ซึ่งคำพูดนี้ก็คือ พระเยซูคริสต์ได้มาในโลกนี้เพื่อช่วยให้คนบาปหลุดพ้น และผมเองก็เลวที่สุดในพวกคนบาปนั้น
- 1 ทิโมธี 1:16 - แต่ก็เพราะอย่างนี้ พระเจ้าถึงได้เมตตาผม พระเยซูคริสต์ได้แสดงความอดทนอย่างถึงที่สุดต่อคนเลวที่สุดอย่างผม เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งหลายที่จะมาไว้วางใจในพระองค์ และมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป
- ลูกา 23:39 - ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่พูดเสียดสีว่า “แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ ช่วยตัวแกเองและพวกเราด้วยสิ”
- ลูกา 23:40 - แต่ผู้ร้ายอีกคนหนึ่งห้ามเขา และพูดขึ้นว่า “แกก็มีโทษถึงตายเหมือนกับเขา แกไม่กลัวพระเจ้าหรือยังไง
- ลูกา 23:41 - พวกเรามันสมควรตายอยู่แล้ว แต่ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
- ลูกา 23:42 - แล้วเขาก็พูดว่า “เยซู อย่าลืมผมนะครับ เมื่อพระองค์เข้าสู่อาณาจักรของพระองค์”
- ลูกา 23:43 - พระองค์จึงตอบว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า วันนี้คุณจะได้อยู่กับเราในสวนสวรรค์อย่างแน่นอน”
- เยเรมียาห์ 3:8 - นางเห็นเรื่องสำส่อนทุกเรื่องที่อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อได้ทำไป และเห็นว่าเราได้ขับไล่อิสราเอลไป และเราได้หย่ากับนาง แต่ยูดาห์น้องสาวจอมโกงของนางก็ไม่กลัว และนางก็ไปสำส่อนเหมือนกัน
- เยเรมียาห์ 3:9 - อันที่จริง นางเห็นว่าเรื่องสำส่อนของตัวเองนั้นเป็นเรื่องเล็กๆ ดังนั้นนางจึงทำให้แผ่นดินทั้งหมดต้องแปดเปื้อนไป โดยไปล่วงประเวณีกับก้อนหินและต้นไม้
- เยเรมียาห์ 3:10 - และถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา ยูดาห์น้องสาวจอมทรยศของนาง ก็ไม่ได้กลับมาหาเรา ด้วยสิ้นสุดใจของนาง แต่แกล้งทำเท่านั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
- เยเรมียาห์ 3:11 - แล้วพระยาห์เวห์ก็บอกกับผมว่า “อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อก็ยังดีกว่ายูดาห์จอมทรยศ
- เยเรมียาห์ 3:12 - เยเรมียาห์ ให้ไปประกาศคำพูดของเราทางเหนือ พูดว่า ‘อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อ กลับมาเถิด’ พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น ‘เราไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พวกเจ้าอีกแล้ว เพราะเรามีเมตตา พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น เราไม่สามารถโกรธเจ้าได้ตลอดไปหรอก
- เยเรมียาห์ 3:13 - ขอแค่เจ้ายอมรับว่าเจ้าทำบาป และยอมรับว่าเจ้าทรยศต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า และยอมรับว่าเจ้าได้ทุ่มตัวให้กับพระต่างชาติมากมายใต้ต้นไม้เขียวขจี และเจ้าไม่ได้ฟังเสียงของเรา’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
- เยเรมียาห์ 3:14 - “กลับมาเถอะ ลูกที่ทรยศต่อเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “เพราะเราเป็นนายของเจ้า เราจะเอาพวกเจ้ามาเมืองละคน ตระกูลละสองคน แล้วเราจะนำเจ้าไปที่ศิโยน
- 2 พงศาวดาร 33:9 - แต่มนัสเสห์นำชาวยูดาห์และประชาชนชาวเยรูซาเล็มไปในทางที่ผิด พวกเขาทำในสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าพวกชนชาติเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ทำลายลงไปตอนที่ชาวอิสราเอลย้ายเข้ามาในแผ่นดิน
- 2 พงศาวดาร 33:10 - พระยาห์เวห์พูดกับมนัสเสห์และประชาชนของเขา แต่พวกเขาไม่สนใจฟัง
- 2 พงศาวดาร 33:11 - ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงนำพวกแม่ทัพของกองทัพของกษัตริย์อัสซีเรีย มาสู้รบกับพวกเขา และจับตัวมนัสเสห์ไว้เป็นเชลย พวกเขาเอาห่วงใส่จมูกของมนัสเสห์ไว้และล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และเอาไปที่บาบิโลน
- 2 พงศาวดาร 33:12 - เมื่อมนัสเสห์ตกอยู่ในความทุกข์ยาก เขาก็ร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และได้ถ่อมตัวลงอย่างมากต่อหน้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา
- 2 พงศาวดาร 33:13 - เมื่อเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เปลี่ยนใจเพราะสงสารเขา แล้วพระองค์ได้ฟังคำร้องขอของเขา พระองค์จึงนำเขากลับเมืองเยรูซาเล็ม และกลับสู่อาณาจักรของเขา แล้วมนัสเสห์ก็ได้รู้ว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริง
- มัทธิว 9:13 - พวกคุณไปศึกษาดูสิว่า พระคัมภีร์ข้อนี้หมายถึงอะไรที่ว่า ‘เราอยากจะเห็นความเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนดี แต่มาเพื่อเรียกคนบาป”
- เอเสเคียล 16:52 - เจ้าจะต้องอับอายขายหน้า เพราะเจ้าทำให้คดีพวกพี่สาวน้องสาวของเจ้าเบาลง เจ้าจะต้องอับอายไปเลย เพราะบาปที่เจ้าทำนั้นน่าขยะแขยงยิ่งกว่าที่พวกเขาทำ เจ้าจะต้องอับอายขายหน้าไปเลย เพราะการกระทำของเจ้า ทำให้พวกพี่น้องของเจ้าดูเหมือนเป็นคนดีไปเลย
- ยอห์น 15:22 - ถ้าเราไม่ได้มาพูดกับพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาปอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับบาปของพวกเขาอีกต่อไป
- 2 โครินธ์ 3:7 - ขนาดงานรับใช้ที่นำความตายมาให้ และกฎที่สลักเป็นตัวหนังสือบนแผ่นหิน ยังมากับสง่าราศี เป็นสง่าราศีที่เปล่งออกมาบนใบหน้าของโมเสส จนทำให้คนอิสราเอลมองดูหน้าโมเสสนานๆไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็จางหายไป
- 2 โครินธ์ 3:8 - ถ้าอย่างนั้นแล้วงานรับใช้ของพระวิญญาณจะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ
- 2 โครินธ์ 3:9 - ขนาดงานรับใช้ที่ทำให้คนต้องถูกลงโทษยังมีสง่าราศีเลย แล้วงานรับใช้ที่ทำให้คนพ้นโทษ จะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ
- เอเสเคียล 36:25 - เราจะประพรมน้ำสะอาดลงบนเจ้า และเจ้าก็จะสะอาด เราจะชำระเจ้าจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย และจากพวกรูปเคารพขี้ๆของเจ้า
- เอเสเคียล 36:26 - เราจะให้หัวใจดวงใหม่แก่เจ้า และเอาวิญญาณใหม่วางไว้ในตัวเจ้า เราจะเอาหัวใจหิน ออกจากเจ้า และให้หัวใจที่มีเลือดเนื้อ แก่เจ้าแทน
- เอเสเคียล 36:27 - เราจะใส่พระวิญญาณของเราไว้ในเจ้า และทำให้เจ้ามาทำตามกฎระเบียบต่างๆของเรา และรักษากฎทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด
- เอเสเคียล 36:28 - เจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นคนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า
- เอเสเคียล 36:29 - เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายของเจ้า เราจะให้เมล็ดข้าวงอกงามและเพิ่มขึ้นมากมาย และเราจะไม่นำความอดอยากมาให้กับเจ้าอีก
- เอเสเคียล 36:30 - เราจะเพิ่มจำนวนผลไม้บนต้นและพืชพันธุ์ในท้องทุ่ง เพื่อเจ้าจะไม่ต้องอับอายท่ามกลางชนชาติต่างๆเพราะอดอยาก
- เอเสเคียล 36:31 - แล้วเจ้าจะได้รู้สึกตัวถึงวิถีทางอันเลวทรามและการกระทำที่ชั่วร้ายของเจ้า เจ้าจะรู้สึกขยะแขยงตัวเองเพราะบาปเหล่านั้นกับการทำตัวที่น่ารังเกียจนั้น”
- เอเสเคียล 36:32 - พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เราอยากให้เจ้ารู้ว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก ให้ละอายใจและอับอายต่อการกระทำของเจ้าเถิด”
- โรม 7:5 - แต่ก่อนตอนที่เราใช้ชีวิตตามสันดานนั้น กฎก็กระตุ้นให้เกิดกิเลสตัณหาขึ้นมา แล้วกิเลสตัณหานี้ก็มาควบคุมอวัยวะในตัวเรา เราจึงไปทำสิ่งที่นำไปสู่ความตาย
- โรม 7:6 - แต่เดี๋ยวนี้เราตายแล้วและหลุดพ้นจากกฎที่เคยขังเราไว้ ตอนนี้เราได้มารับใช้พระเจ้าผู้เป็นเจ้านายของเรา ด้วยชีวิตใหม่ที่พระวิญญาณนำ ไม่ใช่ชีวิตเก่าที่นำโดยกฎที่เขียนขึ้น
- โรม 7:7 - แล้วจะว่ายังไงดี กฎนั้นบาปหรือ ไม่มีทาง อันที่จริงถ้าไม่มีกฎ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าบาปคืออะไร เพราะถ้าไม่มีกฎเขียนไว้ว่า “อย่าโลภ” ผมไม่มีทางรู้ว่าความโลภเป็นอย่างไร
- โรม 7:8 - แต่บาปได้ฉวยโอกาสเอากฎนั้นมาทำให้ผมเกิดความโลภทุกชนิด ถ้าไม่มีกฎ บาปก็หมดฤทธิ์เดชไปแล้ว
- โรม 7:9 - ครั้งหนึ่งผมเคยมีชีวิตอยู่โดยไม่มีกฎ แต่พอมีกฎขึ้นมาบาปก็ฟื้นคืนชีพ
- โรม 7:10 - แต่ผมกลับต้องตาย ปรากฏว่ากฎอันนี้เองที่เคยมีไว้เพื่อนำชีวิตมาให้ กลับมาทำให้ผมต้องตาย
- โรม 7:11 - เพราะบาปได้ฉวยโอกาสใช้กฎนั้นมาล่อลวงผมและฆ่าผม
- โรม 7:12 - ดังนั้นสรุปได้ว่ากฎนั้นศักดิ์สิทธิ์ และบัญญัตินั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมและดีด้วย
- โรม 7:13 - เอ้า แสดงว่าสิ่งที่ดีๆนำความตายมาให้ผมอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง แต่เป็นบาปต่างหาก บาปได้ใช้สิ่งที่ดีๆนี้มาฆ่าผม ผมจะได้รู้ธาตุแท้ของบาปว่าเป็นอย่างไร และบัญญัติจะทำให้เรารู้ว่าบาปนั้นมันชั่วร้ายขนาดไหน
- เอเสเคียล 16:60 - แต่ว่าเราจะยังรักษาข้อตกลงที่เราได้ทำกับเจ้า ตอนที่เจ้ายังเป็นสาวอยู่ ข้อตกลงนั้นจะยั่งยืนตลอดไป
- เอเสเคียล 16:61 - เมื่อเจ้าได้ครอบครองพวกพี่น้องเหล่านั้น ที่ใหญ่กว่าและเล็กกว่าเจ้า เจ้าจะรู้สึกอับอายเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไปในอดีต ใช่แล้ว เราจะมอบพวกเขาให้กับเจ้าเพื่อจะได้เป็นลูกสาวของเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรากับเจ้า
- เอเสเคียล 16:62 - ตัวเราเองจะยืนยันข้อตกลงของเรากับเจ้าอีกครั้ง และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
- เอเสเคียล 16:63 - เราจะทำดีกับเจ้า เพื่อเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะได้อับอาย เมื่อเราลบล้างสิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะอึ้งจนพูดไม่ออกเพราะอับอาย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
- เอเฟซัส 1:6 - พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ สำหรับความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ให้กับเราเปล่าๆผ่านมาทางพระบุตรที่พระองค์รักมาก
- เอเฟซัส 1:7 - พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเราที่มีส่วนในพระคริสต์นั้นให้เป็นอิสระด้วยเลือดของพระองค์ และพระเจ้าได้อภัยโทษบาปของเรา เพราะความเมตตากรุณาอันมหาศาลของพระองค์
- เอเฟซัส 1:8 - พระเจ้าได้เมตตาเราอย่างเหลือล้น พร้อมกับให้สติปัญญาทุกอย่างและความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับเรา
- 1 โครินธ์ 6:9 - พวกคุณไม่รู้หรือว่า คนที่ทำชั่วจะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก อย่าหลอกตัวเองเลย คนที่ทำผิดทางเพศ คนที่กราบไหว้รูปเคารพ คนที่เล่นชู้ ผู้ชายขายตัว พวกเกย์
- 1 โครินธ์ 6:10 - คนขี้ขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนชอบใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น คนขี้โกง คนพวกนี้ไม่มีวันได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกหรอก
- 1 โครินธ์ 6:11 - ในอดีตพวกคุณบางคนก็เป็นอย่างนั้น แต่ฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์ และฤทธิ์เดชของพระวิญญาณของพระเจ้าของเราได้ชำระคุณจากบาป ทำให้คุณเป็นของพระเจ้า และทำให้พระเจ้ายอมรับคุณ
- มีคาห์ 7:18 - จะมีพระองค์ไหนที่เป็นเหมือนกับพระองค์ พระองค์ให้อภัยกับการกระทำชั่ว พระองค์ให้อภัยกับพวกที่กบฏต่อพระองค์ คือคนของพระองค์ที่รอดชีวิตมาได้ พระองค์ไม่ฝังใจโกรธพวกนั้นตลอดไป เพราะพระองค์มีความสุขที่จะแสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์
- มีคาห์ 7:19 - พระองค์จะกลับมาเมตตาพวกเราอีกครั้ง พระองค์จะให้อภัยกับการกระทำที่ชั่วร้ายของเรา พระองค์จะโยนบาปทั้งหมดของเราทิ้งลงในทะเลลึก
- อิสยาห์ 43:24 - เจ้าไม่ได้เอาเงินไปซื้อไม้หอมให้เรา เจ้าไม่ได้ทำให้เราอิ่มหนำสำราญด้วยไขมันสัตว์จากพวกเครื่องบูชาของเจ้า แต่พวกเจ้ากลับทำให้เราแบกภาระหนักคือบาปทั้งหลายของพวกเจ้านั่นแหละ และความผิดทั้งหลายของเจ้าทำให้เรารู้สึกเหน็ดเหนื่อย
- อิสยาห์ 43:25 - เรา เราคือพระองค์นั้นที่ลบล้างการกบฏทั้งหลายของเจ้าเพราะเห็นแก่หน้าเรา และเราจะไม่จดจำความบาปทั้งหลายของเจ้า
- โรม 3:19 - เรารู้แล้วว่า ทุกอย่างที่กฎบอก ก็เพื่อบอกกับคนที่อยู่ภายใต้กฎนั้น เพื่อปิดปากทุกคนไม่ให้มีข้อแก้ตัว และเพื่อทุกคนในโลกจะต้องอยู่ภายใต้การตัดสินของพระเจ้า
- โรม 3:20 - ไม่มีใครหรอกที่พระเจ้าจะยอมรับเนื่องจากทำสิ่งที่กฎบอกให้ทำ เพราะกฎนั้นมีไว้ชี้ให้เราเห็นถึงความบาปของตัวเอง
- อิสยาห์ 1:18 - พระยาห์เวห์พูดว่า มาสู้ความกันเถอะ ถึงแม้พวกบาปของเจ้าจะแดงสด พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนหิมะได้ ถึงแม้บาปพวกนั้นของเจ้าจะแดงเข้ม พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนขนแกะได้
- ยอห์น 10:10 - ขโมยมาเพื่อลัก ฆ่า และล้างผลาญทำลาย แต่เรามาเพื่อเขาจะได้มีชีวิตแท้ คือชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข
- โรม 4:15 - เพราะกฎนำไปสู่การลงโทษจากพระเจ้า เพราะคนทำผิดกฎเสมอ แต่ถ้าที่ไหนไม่มีกฎ ที่นั่นก็ไม่มีการทำผิดกฎ
- เอเฟซัส 2:1 - เมื่อก่อนพวกคุณตายไปแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำบาป
- เอเฟซัส 2:2 - พวกคุณเคยใช้ชีวิตตามทางชั่วของโลกนี้ ตามผู้มีอำนาจในย่านฟ้าอากาศซึ่งเป็นวิญญาณที่กำลังทำงานอยู่ภายในตัวของคนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า
- เอเฟซัส 2:3 - ครั้งหนึ่งพวกเราทุกคนก็เคยใช้ชีวิตอย่างคนพวกนั้นเหมือนกัน คือชอบทำตามกิเลสตัณหาของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสนั้น ซึ่งโดยสันดานของเราแล้ว เราก็สมควรที่จะถูกลงโทษเหมือนพวกเขานั่นแหละ
- เอเฟซัส 2:4 - แต่พระเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อเรา
- เอเฟซัส 2:5 - พระองค์จึงให้เรามีชีวิตอยู่คู่กับพระคริสต์ ทั้งๆที่เราเคยตายไปแล้ว เพราะไม่เชื่อฟัง (ที่พวกคุณรอดนั้น ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า)
- ลูกา 7:47 - เราจะบอกให้รู้ว่า ที่เธอแสดงความรักมากขนาดนี้ ก็เพราะเธอได้รับการยกโทษจากบาปมากมายนั่นเอง ส่วนคนอื่นที่ได้รับการยกโทษน้อย ก็มีความรักน้อย”
- กาลาเทีย 3:19 - ถ้าอย่างนั้นจะมีกฎเอาไว้ทำไมกัน ก็มีไว้ให้คนที่ทำผิดรู้ตัวว่าเขากำลังฝ่าฝืนกฎอยู่นั่นเอง กฎนี้จะอยู่แค่ชั่วคราวจนกว่าลูกหลานคนนั้นของอับราฮัมที่พระเจ้าได้พูดถึงในคำสัญญาจะมาถึง พระเจ้าได้ใช้ทูตสวรรค์ให้เอากฎนี้ไปให้กับโมเสส เพื่อโมเสสจะได้เป็นคนกลางเอาไปให้กับประชาชน
- กาลาเทีย 3:20 - แต่พระเจ้าได้ให้คำสัญญานี้โดยตรงกับอับราฮัม จึงไม่ต้องมีคนกลาง เพราะพระองค์ทำเองฝ่ายเดียว
- กาลาเทีย 3:21 - ถ้าอย่างนั้น กฎที่พระเจ้าให้กับโมเสสขัดแย้งกับคำสัญญาที่พระเจ้าให้กับอับราฮัมหรือ ไม่มีทาง เพราะถ้ากฎที่พระเจ้าให้กับโมเสสนี้ สามารถให้ชีวิตกับเราได้ ป่านนี้พระเจ้าก็คงยอมรับเรา เพราะเราทำตามกฎนั้นแล้ว
- กาลาเทีย 3:22 - แต่พระคัมภีร์บอกว่า มนุษย์ทุกคนถูกขังไว้ในบาป ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพื่อว่า โดยความซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจะได้ให้สิ่งที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกคนที่ไว้วางใจ
- กาลาเทีย 3:23 - ก่อนที่ความซื่อสัตย์นั้นจะมาถึง เราได้ถูกขังไว้อย่างนักโทษภายใต้กฎ จนกว่าพระเจ้าจะแสดงความซื่อสัตย์นั้นให้เห็น
- กาลาเทีย 3:24 - กฎก็เลยเป็นเหมือนพี่เลี้ยง จนกว่าพระคริสต์จะมาถึง เพื่อว่าพระเจ้าจะได้ยอมรับเราเพราะเราไว้วางใจ
- กาลาเทีย 3:25 - ตอนนี้ความซื่อสัตย์นั้นได้มาถึงแล้ว เราก็เลยไม่ต้องมีพี่เลี้ยงอีกต่อไป
- โรม 6:14 - ความบาปก็ไม่มีอำนาจเหนือพวกคุณอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกคุณไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของกฎ แต่อยู่ใต้ความเมตตากรุณาของพระเจ้า
- สดุดี 25:11 - ข้าพเจ้าทำผิดบาปอันใหญ่หลวงนัก ดังนั้น โปรดยกโทษให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงอันดีของพระองค์
- ทิตัส 3:3 - เพราะในอดีต เราก็เคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา และหลงระเริงไปกับความชั่วทุกอย่าง ชีวิตก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย อิจฉาริษยา เป็นที่เกลียดชังของคนอื่น และเกลียดชังกันเอง
- ทิตัส 3:4 - เมื่อพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา แสดงความรักและความเมตตาให้เราเห็น
- ทิตัส 3:5 - พระองค์ได้ช่วยให้เรารอด ไม่ใช่เพราะเราทำดี แต่เป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระองค์ต่างหาก พระองค์ได้ชำระล้างเรา ซึ่งทำให้เราเกิดใหม่ และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
- ทิตัส 3:6 - พระเจ้าใจกว้างมาก พระองค์ได้เทพระวิญญาณให้กับเรา ผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา
- ทิตัส 3:7 - ตอนนี้พระเจ้ายอมรับเราแล้ว เราเป็นผู้รับมรดก คือมีชีวิตกับพระองค์ตลอดไปอย่างที่เราหวังไว้ ซึ่งมาจากความเมตตากรุณาของพระองค์
- โรม 6:1 - แล้วทีนี้จะว่ายังไง จะทำบาปต่อไปเพื่อพระเจ้าจะได้เมตตามากขึ้นอย่างนั้นหรือ