逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - พระองค์อดทนกับพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี
- 新标点和合本 - 又在旷野容忍(或作“抚养”)他们,约有四十年。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 他在旷野容忍 他们,约有四十年。
- 和合本2010(神版-简体) - 他在旷野容忍 他们,约有四十年。
- 当代译本 - 在旷野大约有四十年之久,上帝一直容忍 他们。
- 圣经新译本 - 又在旷野容忍(“容忍”有些抄本作“养育”)他们,约有四十年之久;
- 中文标准译本 - 在旷野,神容忍了他们约有四十年之久。
- 现代标点和合本 - 又在旷野容忍 他们约有四十年。
- 和合本(拼音版) - 又在旷野容忍他们约有四十年 。
- New International Version - for about forty years he endured their conduct in the wilderness;
- New International Reader's Version - He put up with their behavior for about 40 years in the desert.
- English Standard Version - And for about forty years he put up with them in the wilderness.
- New Living Translation - He put up with them through forty years of wandering in the wilderness.
- Christian Standard Bible - And for about forty years he put up with them in the wilderness;
- New American Standard Bible - For a period of about forty years He put up with them in the wilderness.
- New King James Version - Now for a time of about forty years He put up with their ways in the wilderness.
- Amplified Bible - For a period of about forty years He put up with their behavior in the wilderness.
- American Standard Version - And for about the time of forty years as a nursing-father bare he them in the wilderness.
- King James Version - And about the time of forty years suffered he their manners in the wilderness.
- New English Translation - For a period of about forty years he put up with them in the wilderness.
- World English Bible - For a period of about forty years he put up with them in the wilderness.
- 新標點和合本 - 又在曠野容忍(或譯:撫養)他們,約有四十年。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 他在曠野容忍 他們,約有四十年。
- 和合本2010(神版-繁體) - 他在曠野容忍 他們,約有四十年。
- 當代譯本 - 在曠野大約有四十年之久,上帝一直容忍 他們。
- 聖經新譯本 - 又在曠野容忍(“容忍”有些抄本作“養育”)他們,約有四十年之久;
- 呂振中譯本 - 在野地裏背負他們的無狀 ,約有四十年的工夫。
- 中文標準譯本 - 在曠野,神容忍了他們約有四十年之久。
- 現代標點和合本 - 又在曠野容忍 他們約有四十年。
- 文理和合譯本 - 在曠野包容之、約四十年、
- 文理委辦譯本 - 在曠野四十年包容之、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 在曠野撫養之、約四十年、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 在曠野中予以優容者凡四十載、
- Nueva Versión Internacional - y soportó su mal proceder en el desierto unos cuarenta años.
- 현대인의 성경 - 그리고 하나님은 광야에서 40년 동안 그 들을 돌봐 주셨으며
- Новый Русский Перевод - Сорок лет Он терпел их в пустыне.
- Восточный перевод - Сорок лет Он терпел их в пустыне.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Сорок лет Он терпел их в пустыне.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Сорок лет Он терпел их в пустыне.
- La Bible du Semeur 2015 - Pendant quarante ans environ, il l’a supporté dans le désert.
- リビングバイブル - 彼らが荒野をさまよい歩いた四十年の間も、ずっと養い続けてくださいました。
- Nestle Aland 28 - καὶ ὡς τεσσερακονταετῆ χρόνον ἐτροποφόρησεν αὐτοὺς ἐν τῇ ἐρήμῳ
- unfoldingWord® Greek New Testament - καί ὡς τεσσερακονταετῆ χρόνον ἐτροποφόρησεν αὐτοὺς ἐν τῇ ἐρήμῳ,
- Nova Versão Internacional - e os aturou no deserto durante cerca de quarenta anos.
- Hoffnung für alle - Vierzig Jahre lang ertrug er sie auf ihrem Weg durch die Wüste.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Suốt bốn mươi năm, Ngài nhẫn nại chịu đựng họ giữa hoang mạc.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - พระองค์ทรงอดทนต่อความประพฤติของเหล่าบรรพบุรุษ เป็นเวลาสี่สิบปีในถิ่นกันดาร
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - พระองค์อดกลั้นต่อความประพฤติของพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณ 40 ปี
- Thai KJV - พระองค์ได้ทรงอดทนต่อความประพฤติของเขาในถิ่นทุรกันดารประมาณสี่สิบปี
交叉引用
- เนหะมียาห์ 9:16 - แต่พวกบรรพบุรุษของพวกเราทำตัวเย่อหยิ่งจองหองและหัวแข็งดื้อรั้น พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:17 - พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังและพวกเขาไม่ได้จดจำ ถึงการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ที่พระองค์ได้ทำไปท่ามกลางพวกเขา แต่พวกเขากลับหัวแข็งดื้อรั้นและได้แต่งตั้งหัวหน้าขึ้นมา เพื่อนำพวกเขากลับไปเป็นทาสในอียิปต์อีก แต่พระองค์เป็นพระเจ้าที่ให้อภัย มีใจเมตตาและกรุณา มีความอดทนและมีความรักอันมั่นคง ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:18 - ถึงแม้พวกบรรพบุรุษของพวกเราจะหล่อโลหะรูปลูกวัวขึ้นมาสำหรับพวกเขาเอง และบอกว่า ‘นี่คือพระเจ้าของเจ้าที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์’ ถึงแม้การกระทำนี้จะดูหมิ่นพระองค์อย่างยิ่ง
- เนหะมียาห์ 9:19 - แต่พระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ก็เลยไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไว้ในทะเลทราย เสาเมฆไม่ได้หยุดนำทางพวกเขาในการเดินทางตอนกลางวันและเสาไฟในตอนกลางคืน ก็ไม่ได้หยุดส่องแสงให้กับพวกเขาในทางที่พวกเขาควรจะไป
- เนหะมียาห์ 9:20 - พระองค์ได้ให้พระวิญญาณอันดีของพระองค์เพื่อสอนพวกเขา พระองค์ไม่ได้เอาอาหารทิพย์ ไปจากปากของพวกเขา และพระองค์ได้ให้น้ำเพื่อดับกระหายกับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:21 - พระองค์ดูแลพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปีในทะเลทราย โดยที่พวกเขาไม่ขาดอะไรเลย เสื้อผ้าของพวกเขาก็ไม่ฉีกขาด และเท้าของเขาก็ไม่บวม
- กันดารวิถี 14:22 - คนพวกนี้ทั้งหมดที่ได้เห็นรัศมีของเราและเหตุการณ์อันมหัศจรรย์ของเรา ที่เราได้ทำในอียิปต์และในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง และได้ลองดีกับเราถึงสิบครั้งและไม่เชื่อฟังเรา
- กันดารวิถี 14:33 - ลูกๆของพวกเจ้าจะเป็นคนเลี้ยงแกะในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาสี่สิบปี พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะตายกันหมดในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- กันดารวิถี 14:34 - พวกเจ้าจะต้องทนทุกข์เพราะบาปของพวกเจ้าเป็นเวลาสี่สิบปี ซึ่งเท่ากับจำนวนสี่สิบวันที่พวกเจ้าเข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น หนึ่งปีต่อหนึ่งวัน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเมื่อเราขัดขวางเจ้านั้น มันจะเป็นอย่างไร”’
- กิจการ 7:39 - แต่บรรพบุรุษของเราไม่ยอมเชื่อฟังเขา และไม่ยอมรับเขา ในจิตใจบรรพบุรุษเราคิดแต่จะกลับไปอียิปต์
- กิจการ 7:40 - พวกเขาพูดกับอาโรนว่า ‘ช่วยสร้างพวกเทพเจ้าให้มานำทางเราด้วย เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสคนที่นำเราออกมาจากอียิปต์’
- กิจการ 7:41 - ในเวลานั้นพวกเขาปั้นรูปลูกวัวขึ้นมา และเซ่นไหว้รูปปั้นนั้น พวกเขาเฉลิมฉลองสิ่งที่พวกเขาปั้นขึ้นมากับมือ
- กิจการ 7:42 - แต่พระเจ้าหันหน้าหนีพวกเขา และพระองค์ปล่อยให้พวกเขากราบไหว้หมู่ดาวในท้องฟ้าตามที่มีเขียนไว้แล้วในหนังสือของผู้พูดแทนพระเจ้าว่า ‘ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหลาย สัตว์ที่พวกเจ้าฆ่าแล้วเอามาบูชายัญในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาถึงสี่สิบปีนั้น พวกเจ้าไม่ได้บูชาให้กับเราหรอก
- กิจการ 7:43 - พวกเจ้าแบกเต็นท์ของพระโมเลค และเอาดวงดาวของเทพเจ้าเรฟานของพวกเจ้ามาด้วย ของพวกนี้เป็นรูปบูชาที่พวกเจ้าทำขึ้นมากราบไหว้ ดังนั้นเราจะส่งพวกเจ้าให้ไปเป็นเชลยไกลพ้นเมืองบาบิโลนไปอีก’
- สดุดี 95:8 - “อย่าได้มีใจดื้อรั้นเหมือนกับที่บรรพบุรุษของเจ้าทำที่เมรีบาห์ และเหมือนกับในวันนั้นที่มัสสาห์ ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- สดุดี 95:9 - ที่นั่น พวกเขาลองดีกับเราและทดสอบเรา ทั้งๆที่พวกเขาเคยเห็นสิ่งที่เราทำไปแล้วก็ตาม
- สดุดี 95:10 - เราสะอิดสะเอียนคนรุ่นนั้นนานถึงสี่สิบปี เราว่า ‘คนพวกนั้นมีใจที่หลงผิดไป ไม่เคยเรียนรู้ทางต่างๆของเรา’
- สดุดี 95:11 - ดังนั้น ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า ‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเราเลย’”
- ฮีบรู 3:7 - อย่างนั้นตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดว่า “วันนี้ ถ้าพวกเจ้าได้ยินเสียงของพระเจ้า
- ฮีบรู 3:8 - ก็อย่ามีใจดื้อรั้น เหมือนกับตอนนั้นที่เจ้ากบฏต่อพระเจ้า ในวันนั้นที่เจ้าได้ลองดีกับพระเจ้า ในที่เปล่าเปลี่ยว”
- ฮีบรู 3:9 - พระเจ้าพูดว่า “บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ลองดีและท้าทายเราในที่เปล่าเปลี่ยวนั้น ทั้งๆที่พวกเขาได้เห็นเราทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตลอดสี่สิบปี
- ฮีบรู 3:10 - นั่นเป็นเหตุที่เราโกรธคนรุ่นนั้น และเราพูดว่า ‘ใจของเขาหลงผิดเสมอ คนพวกนี้ไม่เคยเข้าใจวิถีทางของเรา’
- อาโมส 5:25 - ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย เจ้าเอาเครื่องเซ่นไหว้และเครื่องบูชามาถวายเราตลอดสี่สิบปีที่เจ้าอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งหรือ ไม่หรอก
- อาโมส 5:26 - แต่ตอนนี้ เจ้าจะยกสัคคูท มาเป็นกษัตริย์ของเจ้าหรือ และเอาดวงดาวไควัน มาเป็นรูปเคารพและเทพเจ้าของเจ้า อย่างนั้นหรือ ซึ่งรูปเคารพทั้งสองนี้เจ้าเองเป็นคนสร้างขึ้นมาสำหรับตัวเจ้าเอง
- สดุดี 106:13 - แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ลืมสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกเขา และไม่ยอมคอยฟังว่าพระองค์จะให้พวกเขาทำอะไร
- สดุดี 106:14 - พวกเขาก็ใคร่อยากจะกินเนื้อจนตัวสั่นในทะเลทรายนั้น และท้าทายพระเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
- สดุดี 106:15 - ดังนั้นพระองค์จึงให้สิ่งที่พวกเขาร้องขอ แต่พระองค์ก็แถมโรคร้ายมาให้ด้วย
- สดุดี 106:16 - บางคนในค่ายพักอิจฉาริษยาโมเสส และอาโรนนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์
- สดุดี 106:17 - ดังนั้นแผ่นดินได้แยกออกดูดกลืนดาธานลงไป และกลบพรรคพวกของอาบีรัม
- สดุดี 106:18 - มีไฟลุกลามใหญ่โตท่ามกลางพรรคพวกที่เหลือของเขา เปลวไฟได้เผาผลาญคนชั่วเหล่านั้น
- สดุดี 106:19 - แล้วบรรพบุรุษก็สร้างลูกวัวทองคำขึ้นมาที่ภูเขาโฮเรบ และก้มกราบนมัสการรูปที่หล่อจากโลหะนั้น
- สดุดี 106:20 - พวกเขาเอาพระเจ้าผู้เต็มไปด้วยบารมี ไปแลกกับรูปหล่อของวัวตัวผู้ที่กินหญ้า
- สดุดี 106:21 - พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขาให้รอด และผู้ที่ทำสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายในอียิปต์
- สดุดี 106:22 - พระเจ้าทำสิ่งที่น่าทึ่งทั้งหลายในดินแดนของฮาม และทำสิ่งที่น่ายำเกรงหลายอย่างที่ทะเลแดง
- สดุดี 106:23 - พระเจ้าบอกว่าพระองค์จะทำลายอิสราเอล แต่โมเสส ผู้นำที่พระองค์เลือกมาได้มายืนขวางไว้ ทำให้อารมณ์โกรธแค้นของพระองค์สงบลง พระองค์ก็เลยไม่ทำลายล้างอิสราเอล
- สดุดี 106:24 - แล้วพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าไปในดินแดนคานาอันที่น่าอยู่ พวกเขาไม่เชื่อคำสัญญาของพระองค์ที่จะช่วยเขา
- สดุดี 106:25 - พวกเขานั่งบ่นต่อว่าพระเจ้าอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา และไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์
- สดุดี 106:26 - ดังนั้นพระองค์จึงยกมือขึ้นสาบานว่า พระองค์จะทำให้พวกเขาล้มตายไปในทะเลทราย
- สดุดี 106:27 - และพระองค์ทำให้ลูกหลานของพวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ และไล่พวกเขาให้ไปอยู่ตามดินแดนต่างๆที่ห่างไกล
- สดุดี 106:28 - แล้วพวกเขาก็ไปร่วมนมัสการพระบาอัลที่เมืองเปโอร์ และกินเครื่องเซ่นไหว้คนตาย
- สดุดี 106:29 - การกระทำของพวกเขาทำให้พระยาห์เวห์โกรธ พระองค์จึงทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นในหมู่พวกเขา
- อพยพ 16:2 - ที่ชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอล บ่นต่อว่าโมเสสกับอาโรนในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- สดุดี 78:17 - แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
- สดุดี 78:18 - แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน
- สดุดี 78:19 - พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า “ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ
- สดุดี 78:20 - ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้ แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ”
- สดุดี 78:21 - เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล
- สดุดี 78:22 - เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้
- สดุดี 78:23 - แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า
- สดุดี 78:24 - แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา
- สดุดี 78:25 - คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน
- สดุดี 78:26 - แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่ และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า
- สดุดี 78:27 - พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล
- สดุดี 78:28 - นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย รอบๆเต็นท์ของพวกเขา
- สดุดี 78:29 - พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้ และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ
- สดุดี 78:30 - แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก
- สดุดี 78:31 - จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล
- สดุดี 78:32 - ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า
- สดุดี 78:33 - พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม
- สดุดี 78:34 - เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าฆ่าคนเหล่านั้น คนที่เหลือก็จะมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกเขาจะกลับมาหาพระองค์และแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน
- สดุดี 78:35 - พวกเขาจะระลึกได้ว่าพระเจ้าเป็นหินกำบังของพวกเขา พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ที่ไถ่ชีวิตของพวกเขา
- สดุดี 78:36 - พวกเขาพยายามหลอกพระองค์ด้วยปาก และโกหกพระองค์ด้วยลิ้น
- สดุดี 78:37 - พวกเขาไม่จริงใจต่อพระเจ้า และไม่สัตย์ซื่อต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพระองค์
- สดุดี 78:38 - แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา
- สดุดี 78:39 - พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์ พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก
- สดุดี 78:40 - พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น
- สดุดี 78:41 - พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ
- สดุดี 78:42 - พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์ หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
- 1 โครินธ์ 10:1 - พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรพบุรุษของเรา พวกเขาอยู่ใต้เมฆและได้ผ่านทะเลไปทุกคน
- 1 โครินธ์ 10:2 - พวกเขาทุกคนก็เข้าพิธีจุ่มน้ำในเมฆ และในทะเลเพื่อจะได้กลายเป็นผู้ติดตามโมเสส
- 1 โครินธ์ 10:3 - แล้วเขาได้กินอาหารทิพย์อย่างเดียวกัน
- 1 โครินธ์ 10:4 - ดื่มน้ำทิพย์เหมือนกัน ที่ไหลออกมาจากศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นที่ร่วมเดินทางมากับพวกเขา ศิลานั้นคือพระคริสต์นั่นเอง
- 1 โครินธ์ 10:5 - แต่พระเจ้าไม่พอใจพวกเขาส่วนใหญ่ ที่เรารู้ก็เพราะมีคนตายเกลื่อนกลาดในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
- 1 โครินธ์ 10:6 - เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เราเกิดความอยากในสิ่งชั่วๆนั้น เหมือนกับความอยากของคนพวกนั้น
- 1 โครินธ์ 10:7 - เราต้องไม่บูชารูปเคารพเหมือนกับที่พวกเขาบางคนทำ พระคัมภีร์บอกไว้ว่า “ผู้คนนั่งลงกินดื่ม และลุกขึ้นมาเต้นรำมั่วสุมทางเพศ”
- 1 โครินธ์ 10:8 - เราต้องไม่ทำผิดทางเพศเหมือนกับที่บางคนในพวกเขาทำ จนมีคนต้องล้มตายลงถึงสองหมื่นสามพันคนในวันเดียว
- 1 โครินธ์ 10:9 - เราต้องไม่ลองดีกับพระคริสต์เหมือนกับที่พวกเขาบางคนทำ จนถูกงูกัดตาย
- 1 โครินธ์ 10:10 - เราต้องไม่บ่นเหมือนกับที่บางคนในพวกเขาบ่น จนพระเจ้าต้องส่งทูตมาฆ่าพวกเขา
- อพยพ 16:35 - ประชาชนชาวอิสราเอลได้กินมานาถึงสี่สิบปี จนพวกเขามาถึงแผ่นดินที่อาศัยอยู่ได้ พวกเขากินมานา มาจนกระทั่งมาถึงเขตแดนของแผ่นดินคานาอัน
- เอเสเคียล 20:10 - เราได้นำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปที่ทะเลทราย
- เอเสเคียล 20:11 - เราได้ให้ข้อบังคับต่างๆของเรากับพวกเขา และให้พวกเขารู้จักกฎต่างๆของเรา เพราะคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังกฎพวกนั้น จะมีชีวิตต่อไป
- เอเสเคียล 20:12 - เรายังให้วันหยุดพักผ่อนต่างๆกับพวกเขา เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน พวกเขาจึงรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ที่ทำให้พวกเขาเป็นของเราโดยเฉพาะ
- เอเสเคียล 20:13 - แต่ประชาชนชาวอิสราเอลได้กบฏต่อเราในทะเลทราย พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเรา ทั้งๆที่การเชื่อฟังกฎเหล่านั้นทำให้มีชีวิต พวกเขาทำให้พวกวันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป เราจึงบอกว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา และทำลายพวกเขาในทะเลทราย’
- เอเสเคียล 20:14 - แต่เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อ ต่อชนชาติทั้งหลายที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจึงไม่ได้ทำลายพวกเขา
- เอเสเคียล 20:15 - ที่ทะเลทรายนั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานกับพวกเขาว่า ‘เราจะไม่นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราสัญญาว่าจะให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามที่สุดในบรรดาแผ่นดินทั้งหมด’
- เอเสเคียล 20:16 - เพราะพวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเราและไม่ทำตามข้อบังคับของเรา และยังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เพราะพวกเขาได้มอบใจของพวกเขาให้กับพวกรูปเคารพทั้งหลายเหล่านั้นไป
- เอเสเคียล 20:17 - แต่เราได้มองดูพวกเขาด้วยความสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาหรือทำให้พวกเขาจบสิ้นไปที่ทะเลทรายนั้น
- เฉลยธรรมบัญญัติ 1:31 - ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งก็เหมือนกัน ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ได้อุ้มท่านไว้เหมือนพ่ออุ้มลูก ตลอดทางที่ท่านเดินมาจนถึงที่นี่’
- ฮีบรู 3:16 - ใครกันที่ได้ยินเสียงพระเจ้า แล้วยังกล้ากบฏอีก ก็พวกนั้นทุกคนที่โมเสสพาออกมาจากประเทศอียิปต์ ไม่ใช่หรือ
- ฮีบรู 3:17 - แล้วใครกันที่พระเจ้าโกรธตลอดสี่สิบปี ก็คนบาปพวกนั้นที่ล้มตายลงในที่เปล่าเปลี่ยว ไม่ใช่หรือ
- ฮีบรู 3:18 - แล้วใครกันที่พระเจ้าสาบานว่าจะไม่มีวันได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระองค์ ก็พวกที่ไม่ยอมเชื่อฟังนั้น ไม่ใช่หรือ
- ฮีบรู 3:19 - เราเห็นว่า ที่พวกนั้นเข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระเจ้าไม่ได้ ก็เพราะพวกเขาไม่ไว้วางใจนั่นเอง
- เฉลยธรรมบัญญัติ 9:21 - เราได้เอาสิ่งที่เป็นบาปที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา คือลูกวัวไปเผาไฟ และเราก็ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ บดมันจนละเอียดเป็นผุยผง แล้วเราก็โปรยผงนั้นลงในลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา
- เฉลยธรรมบัญญัติ 9:22 - ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ก็เหมือนกัน พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธ
- เฉลยธรรมบัญญัติ 9:23 - เมื่อพระยาห์เวห์ส่งพวกท่านจากคาเดช-บารเนีย และพูดว่า ‘ขึ้นไปยึดเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า’ พวกท่านขัดขืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านไม่ไว้วางใจพระองค์และไม่เชื่อฟังพระองค์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 9:24 - พวกท่านได้ขัดขืนพระยาห์เวห์มาตลอด ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่านเป็นครั้งแรก
- เฉลยธรรมบัญญัติ 9:7 - จำไว้ให้ดี อย่าลืมว่าท่านเคยทำให้พระยาห์เวห์โกรธ ตอนที่อยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ตั้งแต่วันที่พวกท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์จนกระทั่งมาถึงที่นี่
- กิจการ 7:36 - โมเสสคือคนที่นำชาวอิสราเอลออกมา เขาทำสิ่งอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ต่างๆในดินแดนอียิปต์ที่ทะเลแดง และในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาถึงสี่สิบปี