逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - ลูกสาวคนโตคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับจนทุกวันนี้
- 新标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
- 和合本2010(神版-简体) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
- 当代译本 - 大女儿生了一个儿子,给他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
- 圣经新译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名叫摩押,就是现在摩押人的始祖。
- 中文标准译本 - 大女儿生了一个儿子,给他起名为摩押,他就是今天摩押人的始祖。
- 现代标点和合本 - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖。
- 和合本(拼音版) - 大女儿生了儿子,给他起名叫摩押,就是现今摩押人的始祖;
- New International Version - The older daughter had a son, and she named him Moab ; he is the father of the Moabites of today.
- New International Reader's Version - The older daughter had a son. She named him Moab. He’s the father of the Moabites of today.
- English Standard Version - The firstborn bore a son and called his name Moab. He is the father of the Moabites to this day.
- New Living Translation - When the older daughter gave birth to a son, she named him Moab. He became the ancestor of the nation now known as the Moabites.
- Christian Standard Bible - The firstborn gave birth to a son and named him Moab. He is the father of the Moabites of today.
- New American Standard Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab; he is the father of the Moabites to this day.
- New King James Version - The firstborn bore a son and called his name Moab; he is the father of the Moabites to this day.
- Amplified Bible - The firstborn gave birth to a son, and named him Moab (from father); he is the father of the Moabites to this day.
- American Standard Version - And the first-born bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
- King James Version - And the firstborn bare a son, and called his name Moab: the same is the father of the Moabites unto this day.
- New English Translation - The older daughter gave birth to a son and named him Moab. He is the ancestor of the Moabites of today.
- World English Bible - The firstborn bore a son, and named him Moab. He is the father of the Moabites to this day.
- 新標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
- 和合本2010(神版-繁體) - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
- 當代譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他取名叫摩押 ,他是今天摩押人的祖先。
- 聖經新譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名叫摩押,就是現在摩押人的始祖。
- 呂振中譯本 - 大女兒生個兒子,給他起名叫 摩押 ,就是今日 摩押 人的始祖。
- 中文標準譯本 - 大女兒生了一個兒子,給他起名為摩押,他就是今天摩押人的始祖。
- 現代標點和合本 - 大女兒生了兒子,給他起名叫摩押,就是現今摩押人的始祖。
- 文理和合譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖、
- 文理委辦譯本 - 長女生子、命名摩押、為摩押族之祖。
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 長女生子、命名 摩押 、即今 摩押 族之祖、
- Nueva Versión Internacional - La mayor tuvo un hijo, a quien llamó Moab, padre de los actuales moabitas.
- 현대인의 성경 - 큰 딸은 아들을 낳아 이름을 모압이라고 지었는데 그는 오늘날 모압 사람들의 조상이 되었다.
- Новый Русский Перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав ; он – отец нынешних моавитян.
- Восточный перевод - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Старшая дочь родила сына и назвала его Моав («от отца»); он отец нынешних моавитян.
- La Bible du Semeur 2015 - L’aînée eut un fils qu’elle appela Moab (Issu du père) ; c’est l’ancêtre des Moabites qui existent encore aujourd’hui.
- リビングバイブル - やがて生まれた姉の子はモアブと名づけられ、モアブ人の先祖となりました。
- Nova Versão Internacional - A mais velha teve um filho e deu-lhe o nome de Moabe ; este é o pai dos moabitas de hoje.
- Hoffnung für alle - Die Ältere bekam einen Sohn und nannte ihn Moab (»von meinem Vater«). Er wurde der Stammvater der Moabiter.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Cô chị sinh một con trai và đặt tên Mô-áp. Ông là tổ phụ của dân tộc Mô-áp ngày nay.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - บุตรสาวคนโตมีบุตรชาย และนางตั้งชื่อเขาว่าโมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับในปัจจุบัน
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - คนหัวปีได้บุตรชาย และตั้งชื่อเขาว่า โมอับ เขาเป็นบิดาต้นตระกูลของชาวโมอับมาจนถึงทุกวันนี้
- Thai KJV - บุตรสาวหัวปีคลอดบุตรชายคนหนึ่งและเรียกชื่อของเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของคนโมอับมาจนถึงทุกวันนี้
交叉引用
- เฉลยธรรมบัญญัติ 23:3 - ชาวอัมโมนหรือชาวโมอับจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนอิสราเอล และลูกหลานของเขาอีกสิบชั่วรุ่นก็จะไม่เป็นส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป
- กันดารวิถี 24:1 - บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- กันดารวิถี 24:2 - บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา
- กันดารวิถี 24:3 - และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า “นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์ เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
- กันดารวิถี 24:4 - เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
- กันดารวิถี 24:5 - ประชาชนของยาโคบ เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
- กันดารวิถี 24:6 - เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ เหมือนต้นกฤษณา ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้ เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
- กันดารวิถี 24:7 - น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก
- กันดารวิถี 24:8 - พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์ พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู
- กันดารวิถี 24:9 - ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”
- กันดารวิถี 24:10 - บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง
- กันดารวิถี 24:11 - ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”
- กันดารวิถี 24:12 - บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า
- กันดารวิถี 24:13 - ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’
- กันดารวิถี 24:14 - ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”
- กันดารวิถี 24:15 - แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า “นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์ เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
- กันดารวิถี 24:16 - เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
- กันดารวิถี 24:17 - ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้ กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ และจะบี้กะโหลกของชาวเชท ทั้งหมด
- กันดารวิถี 24:18 - เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา
- กันดารวิถี 24:19 - ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”
- กันดารวิถี 24:20 - แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า “อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”
- กันดารวิถี 24:21 - บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์ และพูดบทกลอนนี้ว่า “สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
- กันดารวิถี 24:22 - แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”
- กันดารวิถี 24:23 - แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า “เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
- กันดารวิถี 24:24 - จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์ แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”
- กันดารวิถี 24:25 - แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา
- นางรูธ 4:10 - และข้าได้ซื้อภรรยาของมาห์โลน คือ นางรูธชาวโมอับมาเป็นภรรยาของข้าแล้ว เพื่อคงชื่อของผู้ตายไว้บนที่ดินอันเป็นมรดกของเขานี้ และชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออกจากญาติพี่น้องของเขา และจะไม่ถูกตัดออกจากบัญชีรายชื่อของเมืองเขา วันนี้ ท่านทั้งหลายได้เป็นพยานแล้ว”
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:19 - เจ้าจะเข้าไปใกล้กับลูกหลานของอัมโมน ‘อย่าไปยุ่งกับพวกเขาและอย่าต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของลูกหลานอัมโมนให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกแผ่นดินนั้นให้ลูกหลานของโลทครอบครองแล้ว’”
- กันดารวิถี 21:29 - เจ้า โมอับ ความพินาศมาถึงเจ้าแล้ว ประชาชนของพระเคโมช เจ้าถูกทำลายแล้ว พระเคโมชทำให้พวกลูกชายของเขาต้องวิ่งหนี และทำให้พวกลูกสาวของเขาต้องถูกจับตัวไปให้กษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:1 - โยรัม ลูกชายของอาหับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบแปดที่กษัตริย์เยโฮชาฟัทปกครองยูดาห์ โยรัมได้ครองราชย์อยู่สิบสองปี
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:2 - กษัตริย์โยรัมทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่เขาไม่ได้ทำสิ่งที่พ่อแม่ของเขาทำ คือเขาได้ทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลที่พ่อของเขาได้สร้างเอาไว้
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:3 - แต่ว่า เขาได้ทำบาปตามอย่างของเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ผู้ที่เป็นต้นเหตุให้ชนชาติอิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย โยรัมไม่ยอมหันเหไปจากสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้เลย
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:4 - ในเวลานั้นกษัตริย์เมชาของโมอับได้เลี้ยงแกะไว้มากมาย และเขาต้องจัดหาลูกแกะหนึ่งแสนตัวและขนแกะตัวผู้หนึ่งแสนผืนให้กับกษัตริย์ของอิสราเอล
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:5 - แต่หลังจากกษัตริย์อาหับตาย กษัตริย์ของโมอับได้กบฏต่อกษัตริย์ของอิสราเอล
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:6 - กษัตริย์โยรัมจึงยกทัพออกจากเมืองสะมาเรีย ได้รวบรวมพลจากทั่วทั้งอิสราเอลมา
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:7 - กษัตริย์โยรัมยังได้ส่งข่าวนี้ไปถึงกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์ด้วยว่า “กษัตริย์โมอับได้กบฏต่อเราแล้ว ท่านจะไปช่วยเราสู้รบกับพวกโมอับไหม” เยโฮชาฟัทตอบมาว่า “ท่านกับเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันทหารของเราก็เป็นทหารของท่าน พวกม้าของเราก็เป็นพวกม้าของท่าน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:8 - เยโฮชาฟัทถามว่า “เราจะใช้เส้นทางไหนเข้าโจมตีดี” โยรัมตอบว่า “ผ่านทางทะเลทรายเอโดม”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:9 - กษัตริย์ของอิสราเอลจึงออกเดินทางไปกับกษัตริย์ของยูดาห์พร้อมกับกษัตริย์ของเอโดม หลังจากที่เดินทางไปได้เจ็ดวัน ในกองทัพก็ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยไม่ว่าสำหรับคนหรือสัตว์ที่มากับกองทัพ
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:10 - กษัตริย์ของอิสราเอลอุทานออกมาว่า “อะไรกันนี่ นี่พระยาห์เวห์เรียกพวกเราที่เป็นกษัตริย์ทั้งสามคนให้มาอยู่ด้วยกันก็เพื่อที่จะมอบพวกเราให้กับพวกโมอับอย่างนั้นหรือ”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:11 - แต่เยโฮชาฟัทถามว่า “ไม่มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์อยู่ที่นี่สักคนเลยหรือ พวกเราจะได้ถามพระยาห์เวห์ผ่านทางเขาได้” มีข้าราชการคนหนึ่งของกษัตริย์อิสราเอลตอบว่า “เอลีชาลูกชายของชาฟัทอยู่ที่นี่ เขาเคยรับใช้เอลียาห์มาก่อน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:12 - เยโฮชาฟัทพูดว่า “คำพูดของพระยาห์เวห์อยู่กับเขา” กษัตริย์ของอิสราเอลและเยโฮชาฟัทรวมทั้งกษัตริย์ของเอโดมได้ลงไปพบเอลีชา
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:13 - เอลีชาพูดกับกษัตริย์ของอิสราเอลว่า “ข้าไปเกี่ยวอะไรกับท่านด้วย ไปหาพวกผู้พูดแทนพระทั้งหลายของพ่อแม่ท่านสิ” กษัตริย์ของอิสราเอลตอบว่า “ไม่ไปหรอก เรามาหาเจ้าก็เพราะเป็นพระยาห์เวห์นั่นแหละ ที่ได้เรียกพวกเราทั้งสามคนที่เป็นกษัตริย์ออกมา เพื่อจะมอบพวกเราให้กับพวกโมอับ”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:14 - เอลีชาจึงพูดว่า “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่ข้าพเจ้ารับใช้ มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า หากไม่มีกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์อยู่ด้วย ข้าพเจ้าก็จะไม่มองหรือให้ความสนใจเจ้าแม้แต่นิดเดียว
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:15 - แต่ตอนนี้พานักเล่นพิณมาให้ข้าพเจ้าสักหนึ่งคน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:16 - และเขาก็พูดว่า “พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘ขุดหลุมไปให้ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้’
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:17 - เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘เจ้าจะไม่เห็นลมหรือฝน แต่ในหุบเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยน้ำ แล้วตัวเจ้า ฝูงวัวและสัตว์อื่นๆของเจ้าจะได้ดื่มมัน’
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:18 - ในสายตาของพระยาห์เวห์ เรื่องนี้เรื่องเล็ก พระองค์จะมอบโมอับไว้ในมือของเจ้าด้วย
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:19 - เจ้าจะได้ทำลายเมืองที่เป็นป้อมปราการและเมืองหลักๆทุกเมืองของพวกมัน เจ้าจะได้โค่นต้นไม้ดีๆทุกต้นของพวกมัน เจ้าจะได้ถมตาน้ำทั้งหมดและทำลายทุ่งนาดีๆทุกแห่งด้วยก้อนหิน”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:20 - เช้าวันใหม่ ตรงกับเวลาถวายเครื่องสัตวบูชาของช่วงเช้า ที่นั่นเองได้มีน้ำไหลมาจากทางทิศที่เมืองเอโดมตั้งอยู่ และแผ่นดินแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำ
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:21 - เมื่อชาวโมอับทั้งหมดได้ยินว่ากษัตริย์ทั้งสามองค์ได้ขึ้นมาสู้รบกับพวกเขา พวกผู้ชายทุกคนตั้งแต่หนุ่มไปจนแก่ที่สามารถถืออาวุธได้ ต่างถูกเกณฑ์มาประจำการอยู่ตามแนวชายแดน
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:22 - เมื่อพวกโมอับตื่นขึ้นในตอนเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ส่องแสงลงบนผิวน้ำ พวกโมอับมองเห็นน้ำนั้นเหมือนกับเลือด
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:23 - พวกเขาพูดกันว่า “นั่นมันเลือดนี่นา กษัตริย์เหล่านั้นคงจะต่อสู้กันเองและฆ่ากันตายไปแล้วแน่นอน พวกเราไปปล้นเอาของพวกมันกันเถอะ”
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:24 - แต่เมื่อชาวโมอับมาถึงในค่ายของอิสราเอล ชาวอิสราเอลได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกเขา จนพวกโมอับต้องหนีไป และชาวอิสราเอลได้บุกเข้าในแผ่นดินนั้น และฆ่าพวกโมอับ
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:25 - พวกอิสราเอลได้ทำลายเมืองต่างๆลงและแต่ละคนก็รื้อหิน ขว้าง เข้าใส่ทุ่งนาดีๆจนทุ่งนาทุกแห่งเต็มไปด้วยหิน พวกเขาได้ถมตาน้ำทั้งหมดและโค่นต้นไม้ดีๆลงจนหมด มีแต่เมืองคีร์หะเรเชท ที่ยังมีพวกรั้วหินวางอยู่ในที่ของมัน แต่เมื่อพวกทหารที่ใช้เชือกสลิงล้อมเมืองนั้นไว้ พวกเขาก็เอาชนะมันได้เหมือนกัน
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:26 - เมื่อกษัตริย์ของโมอับเห็นว่าเขาพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้ เขาจึงนำทหารที่ถือดาบไปด้วยเจ็ดร้อยคน พยายามตีฝ่าเข้าไปให้ถึงตัวกษัตริย์เอโดม แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ
- 2 พงศ์กษัตริย์ 3:27 - แล้วกษัตริย์โมอับก็เอาตัวลูกชายคนโตของเขาที่จะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขานั้น มาเผาเป็นเครื่องเผาบูชาบนกำแพงเมือง เกิดความโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวงขึ้นต่อชาวอิสราเอล พวกอิสราเอลจึงถอยทัพกลับไปยังแผ่นดินของพวกเขา
- ผู้วินิจฉัย 3:1 - ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์ยังปล่อยให้หลงเหลืออยู่ในแผ่นดินเพื่อลองใจชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ไม่ได้เข้าร่วมรบตอนยึดแผ่นดินคานาอันนั้น
- ผู้วินิจฉัย 3:2 - พระยาห์เวห์ทำอย่างนี้เพื่อให้คนอิสราเอลรุ่นหลังนี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรบมาก่อน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสงคราม
- ผู้วินิจฉัย 3:3 - ชนชาติต่างๆที่ยังเหลืออยู่ คือผู้ครอบครองทั้งห้าคนของฟีลิสเตีย คนคานาอันทั้งหมด คนไซดอน และคนฮีไวต์ที่อาศัยอยู่แถบเนินเขาเลบานอน ตั้งแต่ภูเขาบาอัล-เฮอร์โมน ไปจนถึงเมืองเลโบ-ฮามัท
- ผู้วินิจฉัย 3:4 - ชนชาติเหล่านี้ มีไว้สำหรับลองใจชาวอิสราเอล เพื่อจะได้รู้ว่า พวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์หรือไม่ คือคำสั่งต่างๆที่พระองค์ได้สั่งบรรพบุรุษของพวกเขาผ่านมาทางโมเสส
- ผู้วินิจฉัย 3:5 - ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงได้อาศัยอยู่ร่วมกับ คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์และคนเยบุส
- ผู้วินิจฉัย 3:6 - คนอิสราเอลได้เอาลูกสาวของคนพวกนั้นมาเป็นเมีย และยอมยกลูกสาวของตนให้กับลูกชายของคนพวกนั้น แถมไปรับใช้พระต่างๆของคนพวกนั้นด้วย
- ผู้วินิจฉัย 3:7 - ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ และได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และไปรับใช้รูปเคารพของพวกพระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท
- ผู้วินิจฉัย 3:8 - พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล พระองค์ขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมแห่งอาราม นาชาราอิม ชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมอยู่แปดปี
- ผู้วินิจฉัย 3:9 - แต่เมื่อชาวอิสราเอลร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ส่งผู้ช่วยมาให้กับคนอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือพวกเขา คนนั้นคือ โอทนีเอลลูกชายของเคนัส เคนัสเป็นน้องชายของคาเลบ
- ผู้วินิจฉัย 3:10 - พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ลงมาอยู่กับโอทนีเอล และเขาได้กลายเป็นผู้นำของอิสราเอล เขาออกไปทำสงคราม และพระยาห์เวห์ได้ทำให้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา และเขามีชัยเหนือกษัตริย์คูชัน
- ผู้วินิจฉัย 3:11 - จากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี จนโอทนีเอลลูกชายเคนัสตายไป
- ผู้วินิจฉัย 3:12 - ต่อมาชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก พระองค์ก็เลยทำให้กษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับมีกำลังเข้มแข็ง และมาโจมตีชาวอิสราเอล เพราะคนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์
- ผู้วินิจฉัย 3:13 - กษัตริย์เอกโลนได้ชวนคนอัมโมนและอามาเลค มาเข้าพวกกับเขา และไปโจมตีอิสราเอล และพวกเขาได้ยึดครองเมืองดงอินทผลัมไว้ได้
- ผู้วินิจฉัย 3:14 - ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์เอกโลน ของเมืองโมอับอยู่สิบแปดปี
- ผู้วินิจฉัย 3:15 - ชาวอิสราเอลได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็ได้ส่งผู้ช่วยคนหนึ่งมาให้กับพวกเขา คือเอฮูดลูกชายของเกราจากเผ่าเบนยามิน เขาถูกฝึกให้สู้รบด้วยมือซ้าย ชาวอิสราเอลให้เขาเอาส่วยไปส่งให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ
- ผู้วินิจฉัย 3:16 - เอฮูดได้ทำดาบสองคมเล่มหนึ่งยาวศอกหนึ่ง เขามัดมันไว้ที่ต้นขาขวาใต้ชุดที่ใส่
- ผู้วินิจฉัย 3:17 - แล้วเขาได้นำส่วยไปมอบให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ (กษัตริย์เอกโลนเป็นคนที่อ้วนมาก)
- ผู้วินิจฉัย 3:18 - เมื่อเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว เขาก็ไปส่งคนที่แบกส่วยมา
- ผู้วินิจฉัย 3:19 - เมื่อเอฮูดไปถึงพวกรูปหินแกะสลักที่กิลกาล เขาก็ย้อนกลับไปหากษัตริย์เอกโลนและพูดกับกษัตริย์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้ามีความลับจะแจ้งกับท่าน” กษัตริย์จึงบอกให้เอฮูดเงียบก่อน แล้วเขาก็สั่งให้พวกผู้รับใช้ของเขาออกไปนอกห้อง
- ผู้วินิจฉัย 3:20 - แล้วเอฮูดได้เข้าไปหากษัตริย์เอกโลน ในขณะที่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่บนฐานที่ยกสูง ซึ่งเป็นของเขาโดยเฉพาะ เอฮูดพูดว่า “ข้าพเจ้ามีข่าวจากพระเจ้ามาแจ้งกับท่าน” ในขณะที่กษัตริย์เอกโลนลุกขึ้นจากที่นั่ง
- ผู้วินิจฉัย 3:21 - เอฮูดก็ยื่นมือซ้ายไปชักดาบจากต้นขาขวาของเขา แล้วแทงเข้าไปที่ท้องของกษัตริย์เอกโลน
- ผู้วินิจฉัย 3:22 - จมมิดด้าม ไขมันก็ปิดคมดาบไว้ และเอฮูดก็ไม่ได้ดึงดาบออกจากท้องของกษัตริย์ และกษัตริย์เอกโลนก็อุจจาระลาดออกมา
- ผู้วินิจฉัย 3:23 - แล้วเอฮูดก็ได้ปิดประตูห้องบัลลังก์และลงกลอนข้างใน จากนั้นเขาก็หย่อนตัวลงทางช่องส้วมไปยังห้องด้านล่าง
- ผู้วินิจฉัย 3:24 - แล้วเอฮูดก็ออกไปทางห้องโถงใหญ่ และพวกผู้รับใช้ของกษัตริย์เอกโลนก็เข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นว่าประตูห้องบนชั้นสองนั้นปิดอยู่ พวกเขาก็คิดว่ากษัตริย์เอกโลนกำลังถ่ายทุกข์อยู่ข้างใน
- ผู้วินิจฉัย 3:25 - พวกเขาคอยอยู่จนรู้สึกเป็นห่วง จึงเอากุญแจมาไขเข้าไปดู และพบกษัตริย์เอกโลนนอนตายอยู่บนพื้น
- ผู้วินิจฉัย 3:26 - เอฮูดหนีออกมา ในขณะที่พวกคนรับใช้กำลังคอยอยู่ เขาเดินผ่านพวกรูปเคารพที่สลักจากหิน และหนีไปจนถึงเสอีราห์
- ผู้วินิจฉัย 3:27 - เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาได้เป่าแตรเขาสัตว์ที่เทือกเขาเอฟราอิม แล้วชาวอิสราเอลก็ยกพลลงจากเขาไปพร้อมกับเอฮูด ที่นำหน้าพวกเขาไป
- ผู้วินิจฉัย 3:28 - เอฮูดสั่งพวกเขาว่า “ตามเรามา เพราะพระยาห์เวห์ได้มอบพวกศัตรูของพวกท่าน คือชาวโมอับไว้ในเงื้อมมือของพวกท่านแล้ว” ชาวอิสราเอลทั้งหลายจึงตามเขาไป และพวกเขาได้ยึดบริเวณน้ำตื้นที่ลุยข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเมืองโมอับได้ และไม่ให้ใครข้ามทั้งนั้น
- ผู้วินิจฉัย 3:29 - ในครั้งนั้นพวกเขาได้ฆ่าชายโมอับที่เข้มแข็งและกล้าหาญไปประมาณหนึ่งหมื่นคน ไม่มีใครหนีรอดไปได้
- ผู้วินิจฉัย 3:30 - ในวันนั้นชาวโมอับตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของคนอิสราเอล หลังจากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาแปดสิบปี
- ผู้วินิจฉัย 3:31 - หลังจากเอฮูดแล้ว ก็มีชัมการ์ลูกชายอานาท เขาใช้ประตักวัวฆ่าชาวฟีลีสเตียไปหกร้อยคน เขาก็เป็นผู้ช่วยชาวอิสราเอลคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
- 2 ซามูเอล 8:1 - ต่อมา ดาวิดได้ชัยชนะเหนือชาวฟีลิสเตียและทำให้พวกนั้นอยู่ใต้บังคับ และได้ยึดเมืองเมเธก-ฮัมมาห์ที่ชาวฟีลิสเตียเคยครอบครองอยู่
- 2 ซามูเอล 8:2 - ดาวิดยังเอาชนะชาวโมอับ และได้บังคับให้คนโมอับนอนราบไปกับพื้นดิน และแบ่งพวกเขาออกมาเป็นแถวๆตามความยาวของเชือกเส้นหนึ่ง คนในสองแถวแรกที่ถูกเชือกแบ่งออกมาจะถูกฆ่าตายหมด ส่วนแถวที่สามจะได้รับการไว้ชีวิต ดังนั้น ชาวโมอับจึงกลายเป็นทาสของดาวิดและยอมส่งส่วย ให้เขา
- 2 ซามูเอล 8:3 - ดาวิดได้รบชนะฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์เมืองโศบาห์ ลูกชายของเรโหบ ตอนที่ดาวิดไปตั้งอนุสาวรีย์ ให้กับตนเองที่ลุ่มแม่น้ำยูเฟรติส
- 2 ซามูเอล 8:4 - ดาวิดได้ยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน คนขับรถม้าศึกเจ็ดพันคน และทหารเดินเท้าสองหมื่นคน ดาวิดได้ตัดเส้นเอ็นที่ขาของพวกม้าทั้งหมด ยกเว้นม้าหนึ่งร้อยตัวสำหรับรถรบ
- 2 ซามูเอล 8:5 - ชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสได้มาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์เมืองโศบาห์รบ แต่ดาวิดได้ฆ่าพวกเขาตายไปสองหมื่นสองพันคน
- 2 ซามูเอล 8:6 - ดาวิดส่งทหารขึ้นไปประจำป้อมในเมืองดามัสกัสของชาวอารัม และชาวอารัมก็กลายเป็นทาสของเขาและส่งส่วยให้เขา พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป
- 2 ซามูเอล 8:7 - ดาวิดยึดเอาโล่ทองคำที่ทหารของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ถือ และขนพวกมันกลับไปไว้ที่เมืองเยรูซาเล็ม
- 2 ซามูเอล 8:8 - กษัตริย์ดาวิดได้ยึดเอาทองสัมฤทธิ์ที่ได้มาจากเมืองเทบาห์ และเมืองเบโรธัยที่เคยเป็นของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ ไว้เป็นจำนวนมาก
- 2 ซามูเอล 8:9 - เมื่อโทอิกษัตริย์เมืองฮามัทได้ยินว่าดาวิดเอาชนะกองทัพทั้งหมดของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ได้
- 2 ซามูเอล 8:10 - เขาได้ส่งโยรัม ลูกชายของเขาไปพบดาวิด เพื่อถามทุกข์สุขดาวิดและแสดงความยินดีกับดาวิดที่รบชนะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ เพราะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับกษัตริย์โทอิอยู่บ่อยๆ โยรัมนำของขวัญที่ทำจากเงิน ทองและทองสัมฤทธิ์ไปให้กับดาวิดด้วย
- 2 ซามูเอล 8:11 - กษัตริย์ดาวิดได้อุทิศของเหล่านั้นให้พระยาห์เวห์ เหมือนกับที่เขาเคยอุทิศเงินและทองที่ยึดมาได้จากชาติต่างๆที่เขาเคยไปปราบปรามมา
- 2 ซามูเอล 8:12 - คือ เอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย และชาวอามาเลค ในทำนองเดียวกัน ดาวิดก็ได้อุทิศของที่ยึดมาได้จากฮาดัดเอเซอร์ กษัตริย์เมืองโศบาห์ลูกชายของเรโหบ ให้กับพระเจ้าด้วย
- 2 ซามูเอล 8:13 - หลังจากที่ดาวิดกลับมาจากการโจมตีชาวเอโดมหนึ่งหมื่นแปดพันคนในหุบเขาเกลือแล้ว เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น
- 2 ซามูเอล 8:14 - ดาวิดได้ให้กองทหารเข้าประจำการอยู่ตามป้อมต่างๆทั่วเมืองเอโดม และชาวเมืองเอโดมทั้งหมดก็ตกเป็นทาสของดาวิด พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป
- 2 ซามูเอล 8:15 - ดาวิดได้ปกครองทั่วทั้งอิสราเอล เขาได้ให้ความยุติธรรมและความถูกต้องกับประชาชนทั้งหมดของเขา
- 2 ซามูเอล 8:16 - โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทลูกชายอาหิลูดเป็นผู้จดบันทึกเหตุการณ์
- 2 ซามูเอล 8:17 - ศาโดกลูกชายอาหิทูบและอาหิเมเลคลูกชายอาบียาธาร์เป็นนักบวช เสไรอาห์เป็นเลขา
- 2 ซามูเอล 8:18 - เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเป็นผู้ควบคุมชาวเคเรธีและชาวเปเลท และบรรดาลูกชายของดาวิดเป็นที่ปรึกษากษัตริย์
- กันดารวิถี 22:1 - ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางต่อและมาตั้งค่ายในที่ราบโมอับ ใกล้แม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยริโค
- กันดารวิถี 22:2 - บาลาคลูกชายศิปโปร์ได้เห็นสิ่งทั้งหมดที่ชาวอิสราเอลทำกับชาวอาโมไรต์ พวกโมอับกลัวพวกอิสราเอลมาก เพราะคนอิสราเอลมีจำนวนมาก คนโมอับหวาดกลัวคนอิสราเอลมากจริงๆ
- กันดารวิถี 22:4 - โมอับพูดกับพวกผู้อาวุโสชาวมีเดียนว่า “ตอนนี้ คนกลุ่มใหญ่นั้นจะเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเรา เหมือนวัวกินหญ้าหมดทุ่ง”
- กันดารวิถี 22:5 - เขาส่งพวกผู้ถือสารไปหาบาลาอัมลูกชายเบโอร์ที่เปโธร์ ที่อยู่ติดกับแม่น้ำยูเฟรติส เป็นดินแดนที่พวกญาติๆของเขาอาศัยอยู่ บาลาคส่งคนไปเชิญบาลาอัมมา พวกเขาพูดตามที่บาลาคสั่งว่า
- กันดารวิถี 22:6 - ตอนนี้ มาสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราด้วย เพราะพวกมันแข็งแกร่งกว่าเรา ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไปจากดินแดนนี้ เพราะเรารู้ว่าถ้าท่านให้พรใคร คนนั้นก็จะได้รับพร และถ้าท่านสาปแช่งใคร คนนั้นก็จะถูกสาปแช่ง”
- กันดารวิถี 22:7 - พวกผู้อาวุโสของชาวโมอับและของชาวมีเดียนจึงไปหาบาลาอัม พร้อมกับเงินสำหรับจ่ายให้กับบาลาอัมเป็นค่าบริการ พวกเขามาพบบาลาอัมและบอกกับเขาในสิ่งที่บาลาคพูด
- กันดารวิถี 22:8 - บาลาอัมจึงบอกพวกเขาว่า “คืนนี้ ค้างอยู่ที่นี่ก่อน แล้วข้าจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์บอกอะไรกับข้า” ดังนั้นพวกผู้นำของโมอับจึงค้างอยู่กับบาลาอัม
- กันดารวิถี 22:9 - พระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดว่า “คนพวกนี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใครกัน”
- กันดารวิถี 22:10 - บาลาอัมบอกกับพระเจ้าว่า “บาลาคลูกชายศิปโปร์ กษัตริย์ของโมอับ ส่งพวกเขามาหาข้าพเจ้า พร้อมกับข้อความนี้
- กันดารวิถี 22:11 - ‘ดูสิ มีชนชาติหนึ่งที่ออกมาจากอียิปต์ได้มาปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ช่วยมาสาปแช่งพวกมันให้กับเราด้วย ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไป’”
- กันดารวิถี 22:12 - พระเจ้าพูดกับบาลาอัมว่า “เจ้าต้องไม่ไปกับพวกเขา เจ้าต้องไม่สาปแช่งคนพวกนี้ เพราะเราได้อวยพรพวกเขา”
- กันดารวิถี 22:13 - ดังนั้นเมื่อบาลาอัมลุกขึ้นในตอนเช้า เขาพูดกับพวกผู้นำที่มาจากบาลาคว่า “กลับไปประเทศของพวกท่านเถิด เพราะพระยาห์เวห์ไม่ให้เราไปกับท่าน”
- กันดารวิถี 22:14 - พวกผู้นำจากโมอับจึงลุกขึ้นและกลับไปหาบาลาค พวกเขาบอกว่า “บาลาอัมไม่ยอมมากับพวกเรา”
- กันดารวิถี 22:15 - บาลาคได้ส่งพวกผู้นำไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาส่งผู้นำมามากกว่าครั้งแรก และผู้นำพวกนี้ก็สำคัญกว่าพวกแรกด้วย
- กันดารวิถี 22:16 - พวกเขาไปหาบาลาอัมและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่บาลาคลูกชายศิปโปร์พูด
- กันดารวิถี 22:17 - เราจะให้รางวัลท่านอย่างงาม และเราจะทำทุกอย่างที่ท่านบอกเรา แต่มาช่วยสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราก่อนเถิด’”
- กันดารวิถี 22:18 - บาลาอัมตอบคนของบาลาคไปว่า “ถึงแม้บาลาคจะยกวังของเขาที่เต็มไปด้วยเงินทองมากมายให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
- กันดารวิถี 22:19 - ตอนนี้โปรดค้างคืนที่นี่เหมือนกับกลุ่มที่แล้ว และข้าจะดูว่าพระยาห์เวห์มีอะไรจะบอกกับข้าเพิ่มเติมหรือเปล่า”
- กันดารวิถี 22:20 - คืนนั้นพระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดกับเขาว่า “เนื่องจากคนพวกนี้อุตส่าห์มาเชิญเจ้า ลุกขึ้นและไปกับพวกเขาเถอะ แต่เจ้าจะต้องทำในสิ่งที่เราบอกเท่านั้น”
- กันดารวิถี 22:21 - บาลาอัมจึงลุกขึ้นในตอนเช้า เขาผูกอานบนลาของเขา แล้วเดินทางไปกับผู้นำชาวโมอับ
- กันดารวิถี 22:22 - พระเจ้าโกรธเพราะบาลาอัมกำลังไป ดังนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์มายืนขัดขวางเขาอยู่บนถนน บาลาอัมกำลังขี่ลาอยู่ มีคนรับใช้สองคนอยู่กับเขา
- กันดารวิถี 22:23 - เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ยืนอยู่บนถนน พร้อมกับถือดาบอยู่ในมือ ลาจึงหันจากถนนเข้าไปในทุ่ง บาลาอัมจึงตีลาเพื่อให้มันหันกลับไปบนถนน
- กันดารวิถี 22:24 - แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่บนทางแคบๆที่อยู่ระหว่างไร่องุ่นสองแปลง มีกำแพงล้อมอยู่ทั้งสองข้าง
- กันดารวิถี 22:25 - เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ มันจึงเดินเบียดกำแพง ทำให้เท้าของบาลาอัมถูไปกับกำแพง บาลาอัมจึงตีมันอีก
- กันดารวิถี 22:26 - แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ไปอยู่ข้างหน้าอีก ไปยืนอยู่ในที่แคบที่ไม่มีทางหลีกไปทางซ้ายหรือทางขวาได้
- กันดารวิถี 22:27 - เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ก็หมอบลงทั้งที่บาลาอัมยังนั่งอยู่บนหลังมัน บาลาอัมโกรธและตีมันด้วยไม้เท้า
- กันดารวิถี 22:28 - พระยาห์เวห์ได้เปิดปากของลา แล้วลาก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไปทำอะไรท่าน ท่านถึงได้ตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง”
- กันดารวิถี 22:29 - บาลาอัมจึงบอกกับลาว่า “เพราะเจ้าทำให้เราดูเหมือนเป็นคนโง่เขลา เราอยากจะมีดาบสักเล่มในมือ จะได้ฆ่าเจ้าซะเลยตอนนี้”
- กันดารวิถี 22:30 - ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “นี่ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่าน ที่ท่านใช้ขี่มาตลอดชีวิตจนถึงเดี๋ยวนี้หรอกหรือ ข้าพเจ้าเคยทำอย่างนี้กับท่านมาก่อนหรือเปล่า” บาลาอัมตอบว่า “ไม่เคย”
- กันดารวิถี 22:31 - พระยาห์เวห์จึงเปิดตาบาลาอัม ทำให้เขาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ที่ยืนอยู่บนถนน และกำลังถือดาบอยู่ในมือ บาลาอัมก้มหัวลงกราบ
- กันดารวิถี 22:32 - ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ตีลาของเจ้าถึงสามครั้งอย่างนี้ นี่เรามายืนขวางเจ้า เพราะเห็นว่าการเดินทางของเจ้ามันช่างโง่เขลานัก
- กันดารวิถี 22:33 - เมื่อลาเห็นเรามันถึงได้หันหนีไปจากเราถึงสามครั้ง นี่ถ้ามันไม่หลบเรา ป่านนี้เราก็คงฆ่าเจ้าไปแล้ว แต่เราคงไว้ชีวิตเจ้าลานั่น”
- กันดารวิถี 22:34 - บาลาอัมบอกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังยืนขัดขวางข้าพเจ้าอยู่บนถนน แต่ตอนนี้ เนื่องจากการเดินทางของข้าพเจ้า มันชั่วร้ายในสายตาท่าน ข้าพเจ้าก็จะกลับบ้าน”
- กันดารวิถี 22:35 - ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับบาลาอัมว่า “ไปกับคนพวกนี้ แต่ให้พูดแต่สิ่งที่เราบอกให้เจ้าพูด” บาลาอัมจึงไปกับพวกผู้นำที่บาลาคส่งมา
- กันดารวิถี 22:36 - เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมา เขาจึงออกมาพบบาลาอัมที่เมืองของชาวโมอับ ตรงพรมแดน ที่มีแม่น้ำอารโนนกั้นอยู่ ซึ่งเป็นปลายสุดของพรมแดน
- กันดารวิถี 22:37 - บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราเคยส่งคนไปเชิญท่านมาแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมท่านถึงไม่มาหาเราละ เราไม่สามารถจ่ายรางวัลให้กับท่านหรือยังไง”
- กันดารวิถี 22:38 - บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ดูสิ ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ได้มาหาท่านแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด ข้าพเจ้าจะต้องพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าใส่เข้ามาในปากของข้าพเจ้าเท่านั้น”
- กันดารวิถี 22:39 - แล้วบาลาอัมก็ไปกับบาลาค และพวกเขาก็มาถึงคิริยาท-หุโซท
- กันดารวิถี 22:40 - บาลาคสังเวยวัวและแกะ และส่งเครื่องบูชาไปให้บาลาอัมและพวกผู้นำที่อยู่กับเขา
- กันดารวิถี 22:41 - ในตอนเช้าบาลาคพาบาลาอัมไปเมืองบาโมท-บาอัล จากที่นั่นบาลาอัมสามารถมองเห็นประชาชนชาวอิสราเอลได้ส่วนหนึ่ง
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:9 - พระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘อย่าไปรังควานพวกโมอับและอย่าทำสงครามกับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของพวกโมอับให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกเมืองอาร์ให้ลูกหลานของโลท ครอบครองไปแล้ว’”