逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - พระเจ้าได้ให้กฎปฏิบัติที่เป็นข้อบังคับผ่านมาทางโมเสส แต่พระเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความจริงผ่านมาทางพระเยซูคริสต์
- 新标点和合本 - 律法本是藉着摩西传的;恩典和真理都是由耶稣基督来的。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 律法是藉着摩西颁布的;恩典和真理却是由耶稣基督来的。
- 和合本2010(神版-简体) - 律法是藉着摩西颁布的;恩典和真理却是由耶稣基督来的。
- 当代译本 - 因为律法是借着摩西颁布的,恩典和真理则是借着耶稣基督赐下来的。
- 圣经新译本 - 律法是藉着摩西颁布的,恩典和真理却是藉着耶稣基督而来的。
- 中文标准译本 - 因为律法是藉着摩西赐下的, 恩典和真理是藉着耶稣基督而来的。
- 现代标点和合本 - 律法本是藉着摩西传的,恩典和真理都是由耶稣基督来的。
- 和合本(拼音版) - 律法本是藉着摩西传的,恩典和真理都是由耶稣基督来的。
- New International Version - For the law was given through Moses; grace and truth came through Jesus Christ.
- New International Reader's Version - In the past, God gave us grace through the law of Moses. Now, grace and truth come to us through Jesus Christ.
- English Standard Version - For the law was given through Moses; grace and truth came through Jesus Christ.
- New Living Translation - For the law was given through Moses, but God’s unfailing love and faithfulness came through Jesus Christ.
- Christian Standard Bible - for the law was given through Moses; grace and truth came through Jesus Christ.
- New American Standard Bible - For the Law was given through Moses; grace and truth were realized through Jesus Christ.
- New King James Version - For the law was given through Moses, but grace and truth came through Jesus Christ.
- Amplified Bible - For the Law was given through Moses, but grace [the unearned, undeserved favor of God] and truth came through Jesus Christ.
- American Standard Version - For the law was given through Moses; grace and truth came through Jesus Christ.
- King James Version - For the law was given by Moses, but grace and truth came by Jesus Christ.
- New English Translation - For the law was given through Moses, but grace and truth came about through Jesus Christ.
- World English Bible - For the law was given through Moses. Grace and truth were realized through Jesus Christ.
- 新標點和合本 - 律法本是藉着摩西傳的;恩典和真理都是由耶穌基督來的。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 律法是藉着摩西頒佈的;恩典和真理卻是由耶穌基督來的。
- 和合本2010(神版-繁體) - 律法是藉着摩西頒佈的;恩典和真理卻是由耶穌基督來的。
- 當代譯本 - 因為律法是藉著摩西頒佈的,恩典和真理則是藉著耶穌基督賜下來的。
- 聖經新譯本 - 律法是藉著摩西頒布的,恩典和真理卻是藉著耶穌基督而來的。
- 呂振中譯本 - 因為律法是藉着 摩西 而頒賜;恩典與「真實」乃是藉着耶穌基督而來的。
- 中文標準譯本 - 因為律法是藉著摩西賜下的, 恩典和真理是藉著耶穌基督而來的。
- 現代標點和合本 - 律法本是藉著摩西傳的,恩典和真理都是由耶穌基督來的。
- 文理和合譯本 - 夫律由摩西而授、恩寵真理、則由耶穌基督而來、
- 文理委辦譯本 - 例授自摩西、恩寵真理、則由耶穌 基督、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 蓋律法授自 摩西 、恩寵及真理則由耶穌基督而至、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 蓋 摩西 所授者律法耳、至妙寵真諦、則由耶穌基督而溥施。
- Nueva Versión Internacional - pues la ley fue dada por medio de Moisés, mientras que la gracia y la verdad nos han llegado por medio de Jesucristo.
- 현대인의 성경 - 율법은 모세를 통해 주신 것이지만 은혜와 진리는 예수 그리스도를 통해 왔다.
- Новый Русский Перевод - Ведь через Моисея был дан Закон, а благодать и истина пришли через Иисуса Христа.
- Восточный перевод - Ведь через пророка Мусу был дан Закон, а благодать и истина пришли через Ису, обещанного Масиха .
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Ведь через пророка Мусу был дан Закон, а благодать и истина пришли через Ису, обещанного Масиха .
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Ведь через пророка Мусо был дан Закон, а благодать и истина пришли через Исо, обещанного Масеха .
- La Bible du Semeur 2015 - En effet, si la Loi nous a été donnée par Moïse, la grâce et la vérité sont venues par Jésus-Christ.
- リビングバイブル - モーセはきびしい命令と戒めとを与えましたが、イエス・キリストはその上に、愛に満ちた赦しの道を備えてくださったのです。
- Nestle Aland 28 - ὅτι ὁ νόμος διὰ Μωϋσέως ἐδόθη, ἡ χάρις καὶ ἡ ἀλήθεια διὰ Ἰησοῦ Χριστοῦ ἐγένετο.
- unfoldingWord® Greek New Testament - ὅτι ὁ νόμος διὰ Μωϋσέως ἐδόθη, ἡ χάρις καὶ ἡ ἀλήθεια διὰ Ἰησοῦ Χριστοῦ ἐγένετο.
- Nova Versão Internacional - Pois a Lei foi dada por intermédio de Moisés; a graça e a verdade vieram por intermédio de Jesus Cristo.
- Hoffnung für alle - Durch Mose gab uns Gott das Gesetz mit seinen Forderungen, aber nun ist uns durch Jesus Christus seine Gnade und Wahrheit begegnet.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Ngày xưa luật pháp được ban hành qua Môi-se, nhưng ngày nay ơn phước và chân lý của Đức Chúa Trời được ban qua Chúa Cứu Thế Giê-xu.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - เพราะบทบัญญัติประทานมาทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - ด้วยว่า กฎบัญญัติถูกมอบให้โดยผ่านโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาได้โดยผ่านพระเยซูคริสต์
- Thai KJV - เพราะว่าได้ทรงประทานพระราชบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์
交叉引用
- อพยพ 20:1 - พระเจ้าพูดว่า
- อพยพ 20:2 - “เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า เราได้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากการเป็นทาสนั้น
- อพยพ 20:3 - เจ้าต้องไม่มีพระอื่นๆนอกจากเรา
- อพยพ 20:4 - เจ้าต้องไม่สร้างรูปเคารพหรือรูปเหมือนอะไรที่มีอยู่ในท้องฟ้าเบื้องบนหรือในโลกเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้พื้นดิน
- อพยพ 20:5 - เจ้าต้องไม่กราบไหว้หรือบูชาสิ่งเหล่านั้น เพราะเราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า เราเป็นพระเจ้าที่หึงหวง บาปของพ่อเจ้าที่ทำไว้ เราจะลงโทษพวกเขาไปสามสี่ชั่วคน คือคนเหล่านั้นที่เกลียดเรา
- อพยพ 20:6 - ส่วนคนที่รักเราและรักษาคำสั่งต่างๆของเรา เราจะรักลูกหลานของเขาไปเป็นพันๆรุ่น
- อพยพ 20:7 - เจ้าต้องไม่อ้างชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเล่นๆ เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ถือว่าคนนั้นไร้ความผิด ที่อ้างชื่อของพระองค์มาสาบานกันเล่นๆ
- อพยพ 20:8 - อย่าลืมที่จะถือวันหยุดทางศาสนาเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
- อพยพ 20:9 - ในช่วงหกวันแรกของแต่ละอาทิตย์ เจ้าก็ทำงานได้ตามปกติ
- อพยพ 20:10 - แต่ในวันที่เจ็ด เป็นวันหยุดพักผ่อน ที่อุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานอะไรเลยในวันนี้ ทั้งเจ้า ลูกชาย ลูกสาว ทาสชาย ทาสหญิง สัตว์ทุกตัว หรือแม้แต่คนต่างชาติที่อาศัยร่วมกับเจ้า
- อพยพ 20:11 - เพราะพระยาห์เวห์ได้สร้างท้องฟ้า พื้นดิน และมหาสมุทร รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพวกมัน เป็นเวลาหกวัน แต่พระองค์หยุดพักผ่อนในวันที่เจ็ด นั่นเป็นเหตุที่พระยาห์เวห์ ถึงได้อวยพรวันที่เจ็ดและตั้งให้มันเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
- อพยพ 20:12 - ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้า
- อพยพ 20:13 - ห้ามฆ่าคน
- อพยพ 20:14 - ห้ามมีชู้กับผัวเมียคนอื่น
- อพยพ 20:15 - ห้ามขโมย
- อพยพ 20:16 - ห้ามเป็นพยานเท็จปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า
- อพยพ 20:17 - ห้ามโลภอยากได้บ้านของคนอื่น ห้ามโลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมียของเขา ทาสชายหญิง วัว ลา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นของเพื่อนบ้าน”
- เฉลยธรรมบัญญัติ 33:4 - โมเสสได้ให้คำสอนกับพวกเรา เป็นสมบัติของที่ชุมนุมของยาโคบ
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:44 - นี่คือคำสั่งสอนที่โมเสสได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอล
- สดุดี 98:3 - พระองค์ระลึกถึงความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่พระองค์มีต่ออิสราเอล ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็เห็นอำนาจในการช่วยกู้ของพระเจ้าของเรา
- กิจการ 13:34 - พระเจ้าได้ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย และจะไม่มีวันเน่าเปื่อยอีกเลย พระเจ้าประกาศอย่างนี้ว่า ‘เราจะให้พรอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายกับพวกเจ้าอย่างแน่นอนตามที่เราได้สัญญาไว้กับดาวิด’
- กิจการ 13:35 - ยังมีอีกที่หนึ่งในพระคัมภีร์ที่พูดถึงสิ่งนี้ด้วยว่า ‘พระองค์จะไม่ยอมให้ร่างของผู้รับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ต้องเน่าเปื่อย’
- กิจการ 13:36 - ในช่วงที่ดาวิดมีชีวิตอยู่ เขาได้ทำตามความต้องการของพระเจ้า ต่อมาเมื่อเขาตาย และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษ ร่างของเขาก็เน่าเปื่อยไป
- กิจการ 13:37 - แต่พระเยซูที่พระเจ้าทำให้ฟื้นขึ้นจากความตายนั้นไม่เน่าเปื่อย
- กิจการ 13:38 - ดังนั้นพี่น้องครับ ผมอยากจะบอกให้รู้ว่า ก็เพราะพระเยซูนี่แหละ บาปของพวกคุณถึงได้รับการยกโทษ กฎของโมเสสไม่สามารถช่วยให้ใครหลุดพ้นจากบาปได้หรอก
- กิจการ 13:39 - แต่พระเยซูทำให้ทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์ ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากบาปเหล่านั้นได้
- 2 โครินธ์ 1:20 - เพราะไม่ว่าพระเจ้าจะสัญญาไว้มากมายขนาดไหนก็ตาม สัญญาก็ได้อย่างนั้นทุกข้อในพระคริสต์ เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงได้พูดคำว่า “อาเมน” ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศ
- มีคาห์ 7:20 - พระองค์เจ้าข้า ขอให้พระองค์รักษาสัญญาที่ให้กับยาโคบ ขอให้พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงให้กับอับราฮัม ตามที่พระองค์สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเราตั้งแต่สมัยก่อนโน้น”
- สดุดี 89:1 - ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศด้วยปากของข้าพเจ้าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ให้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
- สดุดี 89:2 - เพราะข้าพเจ้าว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะอยู่นานตราบเท่าท้องฟ้า”
- สดุดี 85:10 - ความรักมั่นคงของพระเจ้าและความสัตย์ซื่อของพระองค์จะมาพบกัน ความชอบธรรมและสันติสุขของพระองค์จะมาจูบกัน
- ฮีบรู 11:39 - พวกเขาทุกคนได้รับการยกย่อง เพราะพวกเขาได้ไว้วางใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้
- ฮีบรู 11:40 - พระเจ้าได้วางแผนที่จะให้สิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นสำหรับเรา เพราะพวกเขาจะสมบูรณ์แบบได้ก็ต่อเมื่อมีเรารวมอยู่ด้วยเท่านั้น
- ยอห์น 9:29 - เรารู้ว่าพระเจ้าได้พูดกับโมเสส แต่เราไม่รู้ว่าชายคนนั้นมาจากไหน”
- ปฐมกาล 3:15 - เราจะทำให้เจ้ากับหญิงนั้นเป็นศัตรูกัน ลูกหลานของเจ้ากับลูกหลานของหญิงนั้นจะเป็นศัตรูกัน ลูกหลานของหญิงนั้นจะทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ แล้วเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”
- ลูกา 1:54 - พระองค์มาเพื่อช่วยอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ไม่เคยลืมที่จะเมตตาคนของพระองค์
- ลูกา 1:55 - พระองค์ทำตามที่สัญญาไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของพวกเราและลูกหลานของเขาตลอดไป”
- กิจการ 7:38 - เขาคือโมเสสคนนั้นที่อยู่กับหมู่ชนชาวอิสราเอลในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขาอยู่กับบรรพบุรุษของเราและอยู่กับทูตสวรรค์ที่พูดกับเขาบนภูเขาซีนาย เขาเป็นคนรับถ้อยคำแห่งชีวิตของพระเจ้ามาให้เรา
- วิวรณ์ 7:9 - หลังจากนั้นผมเห็นคนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มาจากทุกชนชาติ ทุกเผ่า ทุกเชื้อชาติ และทุกภาษา ยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์และต่อหน้าลูกแกะ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและในมือถือกิ่งปาล์ม
- วิวรณ์ 7:10 - พวกเขาตะโกนเสียงดังว่า “ชัยชนะเป็นของพระเจ้าผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ”
- วิวรณ์ 7:11 - ทูตสวรรค์ทั้งหมดที่ยืนล้อมรอบบัลลังก์ และล้อมรอบพวกผู้อาวุโสและสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นได้ก้มหน้าลงกราบอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ และนมัสการพระเจ้า
- วิวรณ์ 7:12 - พวกเขาพูดว่า “อาเมน คำสรรเสริญ ความรุ่งโรจน์ สติปัญญา คำขอบคุณ เกียรติยศ ฤทธิ์อำนาจและพละกำลัง จงเป็นของพระเจ้าของเราตลอดไป อาเมน”
- วิวรณ์ 7:13 - จากนั้นผู้อาวุโสองค์หนึ่งได้ถามผมว่า “พวกที่สวมเสื้อคลุมสีขาวนี้เป็นใครกัน พวกเขามาจากที่ไหนกัน”
- วิวรณ์ 7:14 - ผมตอบว่า “ท่านครับ ท่านย่อมรู้ดีว่าพวกเขาเป็นใคร” ผู้อาวุโสจึงบอกว่า “คนพวกนี้คือคนที่มาจากความทุกข์ยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาซักเสื้อคลุม ของเขาด้วยเลือดของลูกแกะจนมันขาวสะอาด
- วิวรณ์ 7:15 - พวกเขาถึงได้มาอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า และรับใช้พระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืนในพระวิหารของพระองค์ และพระองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะอยู่คุ้มครองดูแลพวกเขา
- วิวรณ์ 7:16 - พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหายอีก ความร้อนจากแสงแดดจะไม่แผดเผาพวกเขาเลย
- วิวรณ์ 7:17 - ลูกแกะซึ่งอยู่ตรงกลางใกล้กับบัลลังก์จะดูแลเอาใจใส่พวกเขาเหมือนกับผู้เลี้ยงแกะ และจะนำพวกเขาไปยังน้ำพุที่ให้ชีวิต และพระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา”
- เฉลยธรรมบัญญัติ 5:1 - โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาและพูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี ฟังกฎและข้อบังคับที่เรากำลังจะพูดกรอกหูของพวกท่านในวันนี้ ให้ศึกษามันและทำตามอย่างระมัดระวัง
- ฮีบรู 10:4 - เพราะเลือดของวัวตัวผู้และเลือดของแพะจะมาล้างบาป ก็เป็นไปไม่ได้
- ฮีบรู 10:5 - ดังนั้น เมื่อพระคริสต์ได้เข้ามาในโลกนี้ พระองค์พูดว่า “พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการเครื่องบูชา และของถวาย แต่พระองค์ได้เตรียมร่างกายสำหรับข้าพเจ้า
- ฮีบรู 10:6 - พระองค์ไม่ได้พอใจกับเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป
- ฮีบรู 10:7 - แล้วข้าพเจ้า (พระคริสต์) ก็พูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์ เหมือนกับที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน’”
- ฮีบรู 10:8 - ครั้งแรกพระองค์ (พระคริสต์) พูดว่า “พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการและไม่ได้พอใจในเครื่องสัตวบูชาที่นำมาบูชา เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป” (ถึงแม้กฎของโมเสสสั่งให้ทำอย่างนี้)
- ฮีบรู 10:9 - แล้วต่อมาพระองค์ (พระคริสต์) ได้พูดอีกว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์” ดังนั้น พระเจ้าจึงยกเลิกระบบแรกเสีย เพื่อจะจัดตั้งระบบอันที่สองขึ้นมา
- ฮีบรู 10:10 - เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ทำ และพระองค์ได้เสียสละร่างกายของพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอสำหรับตลอดไป
- ยอห์น 5:45 - อย่าคิดว่าเราจะเป็นคนฟ้องคุณต่อหน้าพระบิดา โมเสสคนที่คุณคาดหวังว่าจะช่วยคุณนั่นแหละ จะเป็นคนที่ฟ้องคุณเอง
- โรม 15:8 - ผมขอบอกพวกคุณว่า พระคริสต์ได้มาเป็นผู้รับใช้ของคนยิว เพื่อทำให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตของพระเจ้า เพื่อยืนยันคำสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้กับพวกบรรพบุรุษ
- โรม 15:9 - และเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิวจะได้สรรเสริญพระเจ้าที่ได้เมตตากรุณากับพวกเขา เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะให้เกียรติพระองค์ในหมู่คนที่ไม่ใช่ยิว และข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์”
- โรม 15:10 - พระคัมภีร์พูดไว้อีกว่า “คนที่ไม่ใช่ยิวทั้งหลายเอ๋ย ให้มาชื่นชมยินดีพร้อมกับคนของพระเจ้า”
- โรม 15:11 - และยังพูดอีกว่า “คนที่ไม่ใช่ยิวทั้งหลายเอ๋ย สรรเสริญองค์เจ้าชีวิตเถิด และขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์”
- โรม 15:12 - และอิสยาห์ก็พูดไว้เหมือนกันว่า “ลูกหลานคนหนึ่งของเจสซี จะมา และขึ้นปกครองคนที่ไม่ใช่ยิว แล้วคนที่ไม่ใช่ยิวจะฝากความหวังกับพระองค์”
- วิวรณ์ 5:8 - เมื่อลูกแกะตัวนั้นรับหนังสือม้วนนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งสี่กับพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ ก็ก้มกราบลงต่อหน้าลูกแกะตัวนั้น ทุกคนถือพิณ และขันทองคำที่เต็มไปด้วยเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของคนของพระเจ้า
- วิวรณ์ 5:9 - พวกเขาทั้งหลายก็ร้องเพลงบทใหม่ให้กับลูกแกะตัวนั้นว่า “พระองค์เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับหนังสือม้วนนี้และแกะตราออก เพราะพระองค์เคยถูกฆ่าและด้วยเลือดของพระองค์เองนั้น พระองค์ได้ซื้อคนให้พระเจ้า จากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติ และทุกชนชาติ
- วิวรณ์ 5:10 - พระองค์ทำให้พวกเขาเป็นพวกกษัตริย์และเป็นพวกนักบวชของพระเจ้าของเรา และพวกเขาครอบครองโลกนี้”
- ลูกา 1:68 - “สรรเสริญองค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกอิสราเอล เพราะพระองค์มาเยี่ยมเยียนคนของพระองค์และได้ปลดปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ
- ลูกา 1:69 - พระองค์ได้ส่งพระผู้ช่วยให้รอดที่มีพลังอันแข็งแกร่งมาให้เรา โดยให้เกิดในตระกูลดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
- ลูกา 1:70 - ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ผ่านทางพวกที่พระเจ้าแต่งตั้งเป็นพิเศษให้พูดแทนพระองค์ในสมัยโบราณ
- ลูกา 1:71 - พระองค์สัญญาว่าจะช่วยให้พวกเราปลอดภัยจากศัตรู และจากคนทั้งหมดที่เกลียดชังพวกเรา
- ลูกา 1:72 - พระองค์สัญญาว่าจะเมตตาต่อบรรพบุรุษของพวกเรา และรักษาคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
- ลูกา 1:73 - พระองค์เลยสาบานไว้กับอับราฮัม บรรพบุรุษของพวกเรา
- ลูกา 1:74 - ว่าพระองค์จะช่วยเหลือให้พวกเราพ้นจากศัตรูของพวกเรา และพวกเราจะได้รับใช้พระองค์อย่างไม่ต้องหวาดกลัว
- ลูกา 1:75 - จะได้รับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ และด้วยชีวิตที่พระองค์ชอบใจต่อหน้าพระองค์จนตลอดชีวิต
- ลูกา 1:76 - ลูกน้อยเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าสูงสุด เพราะเจ้าจะนำหน้าองค์เจ้าชีวิต เพื่อเตรียมทางให้กับพระองค์
- ลูกา 1:77 - เพื่อจะบอกคนของพระเจ้าว่าพวกเขาจะรอด ทางที่จะรอดนั้นก็คือพระเจ้ายกโทษบาปของพวกเขา
- ลูกา 1:78 - เพราะความเมตตาสงสารของพระเจ้า แสงจากสวรรค์ใกล้จะส่องลงมาถึงพวกเราแล้ว เหมือนแสงของวันใหม่
- ลูกา 1:79 - ส่องลงมาถึงคนที่อยู่ในความมืดและอยู่ในเงาของความตาย เพื่อนำพวกเราไปบนหนทางของความสงบสุข”
- กาลาเทีย 3:17 - ความหมายของผมคือว่า กฎของโมเสสที่มาทีหลังถึงสี่ร้อยสามสิบปีไม่สามารถมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือยกเลิกข้อตกลงที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้แล้วกับอับราฮัมได้หรอก
- ฮีบรู 8:8 - แต่พระเจ้าติเตียนประชาชนชาวอิสราเอลว่า “องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘เวลาที่เราจะทำสัญญาใหม่ กับชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์กำลังจะมาถึงแล้ว
- ฮีบรู 8:9 - ซึ่งจะไม่เหมือนกับคำสัญญา ที่เราเคยทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ตอนที่เราจูงมือพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของเราอีกต่อไป เราจึงหันหลังไม่สนใจพวกเขา’ องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้แหละ
- ฮีบรู 8:10 - นี่เป็นคำสัญญาใหม่ที่เราจะทำกับประชาชนชาวอิสราเอล หลังจากเวลานั้น องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ เราจะใส่กฎของเราเข้าไปในจิตใจของพวกเขา เราจะเขียนพวกมันลงไปในหัวใจของพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นคนของเรา
- ฮีบรู 8:11 - เขาจะไม่ต้องมาสอนเพื่อนบ้าน หรือพี่น้องของเขาว่า ‘มารู้จักองค์เจ้าชีวิตสิ’ เพราะตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุด จนถึงคนยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาทุกคนก็จะรู้จักเรา
- ฮีบรู 8:12 - เพราะเราจะยกโทษให้กับความชั่วของพวกเขา และเราจะไม่จดจำความบาปของพวกเขาอีกต่อไป”
- ฮีบรู 3:5 - โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในหน้าที่ทุกอย่าง ในฐานะคนรับใช้ในครัวเรือนของพระเจ้า และเขามีหน้าที่บอกให้คนรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าจะเปิดเผยในอนาคต
- ฮีบรู 3:6 - แต่พระคริสต์นั้นซื่อสัตย์ในฐานะที่เป็นบุตรที่อยู่เหนือครัวเรือนของพระเจ้า แล้วเรานั่นแหละคือครัวเรือนของพระองค์ ถ้าหากเรายังยึดมั่นในความกล้าหาญและในความภาคภูมิใจของเราที่เกิดจากความหวังที่เรามีอยู่นั้น
- ปฐมกาล 22:18 - และเราสัญญาว่า ทุกชนชาติบนโลกนี้จะได้รับพรเพราะลูกหลานของเจ้า เพราะเจ้าเชื่อฟังเรา”
- กาลาเทีย 3:10 - แต่คนที่พึ่งการทำตามกฎจะตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “คนที่ไม่ทำตามกฎทุกข้อที่เขียนไว้ตลอดเวลา ก็จะตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง”
- กาลาเทีย 3:11 - แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีใครเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้เพราะทำตามกฎ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “คนที่พระเจ้ายอมรับนั้น จะต้องมีชีวิตอยู่โดยความไว้วางใจ”
- กาลาเทีย 3:12 - กฎไม่ได้ขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ เพราะพระคัมภีร์พูดว่า “คนที่ทำตามกฎ ก็จะได้ชีวิตตามกฎนั้น”
- กาลาเทีย 3:13 - พระคริสต์ได้ช่วยพวกเราให้เป็นอิสระจากคำสาปแช่งของกฎโดยยอมถูกสาปแช่งเสียเอง เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ทุกคนที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ คือคนที่ถูกสาปแช่ง”
- กิจการ 28:23 - พวกเขาจึงนัดวันพบกับเปาโลอีก เมื่อถึงวันนัดพบ ก็มีคนมากกว่าเดิมมาหาเปาโลในที่พักของเขา เปาโลได้อธิบายและเป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า พยายามชักจูงพวกนั้นให้เชื่อในพระเยซู โดยอ้างจากกฎของโมเสสและจากสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้า เขียนไว้ เปาโลได้ทำอย่างนี้ตั้งแต่เช้าจนเย็น
- ยอห์น 7:19 - โมเสสให้กฎปฏิบัติกับพวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่ได้ทำตามกฎนั้นสักคน แล้วทำไมพวกคุณถึงได้พยายามจะฆ่าเรา”
- ยอห์น 1:14 - พระคำได้กลายมาเป็นมนุษย์ และใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเรา พระคำนั้นเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาและความจริง พวกเราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งเป็นความยิ่งใหญ่ของพระบุตรเพียงองค์เดียวของพระบิดา
- 2 โครินธ์ 3:7 - ขนาดงานรับใช้ที่นำความตายมาให้ และกฎที่สลักเป็นตัวหนังสือบนแผ่นหิน ยังมากับสง่าราศี เป็นสง่าราศีที่เปล่งออกมาบนใบหน้าของโมเสส จนทำให้คนอิสราเอลมองดูหน้าโมเสสนานๆไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็จางหายไป
- 2 โครินธ์ 3:8 - ถ้าอย่างนั้นแล้วงานรับใช้ของพระวิญญาณจะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ
- 2 โครินธ์ 3:9 - ขนาดงานรับใช้ที่ทำให้คนต้องถูกลงโทษยังมีสง่าราศีเลย แล้วงานรับใช้ที่ทำให้คนพ้นโทษ จะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ
- 2 โครินธ์ 3:10 - ความจริงแล้ว สง่าราศีของสัญญาเดิมไม่น่าเรียกว่าสง่าราศีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับสง่าราศีอันเจิดจ้าของสัญญาใหม่นั้น
- โรม 5:20 - เมื่อกฎของโมเสสเข้ามา ทำให้คนผิดกฎกันมากขึ้น แต่เมื่อบาปเพิ่มขึ้น ความเมตตากรุณาก็ยิ่งเพิ่มมากกว่านั้นอีก
- โรม 5:21 - บาปเคยเป็นกษัตริย์และใช้ความตายปกครอง เช่นเดียวกันความเมตตากรุณาเป็นกษัตริย์และใช้การที่พระเจ้ายอมรับเราปกครอง ทำให้คนมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
- ยอห์น 8:32 - พวกคุณจะรู้จักความจริงและความจริงจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระ”
- ฮีบรู 9:22 - อันที่จริง ตามกฎของโมเสสนั้นถือว่าเกือบทุกอย่างที่จะต้องใช้เลือดชำระล้างให้บริสุทธิ์ และถ้าไม่มีการหลั่งเลือดออกมาก็จะไม่มีการยกโทษให้
- โรม 3:19 - เรารู้แล้วว่า ทุกอย่างที่กฎบอก ก็เพื่อบอกกับคนที่อยู่ภายใต้กฎนั้น เพื่อปิดปากทุกคนไม่ให้มีข้อแก้ตัว และเพื่อทุกคนในโลกจะต้องอยู่ภายใต้การตัดสินของพระเจ้า
- โรม 3:20 - ไม่มีใครหรอกที่พระเจ้าจะยอมรับเนื่องจากทำสิ่งที่กฎบอกให้ทำ เพราะกฎนั้นมีไว้ชี้ให้เราเห็นถึงความบาปของตัวเอง
- โรม 3:21 - แต่ตอนนี้ พระเจ้าได้เปิดเผยให้เห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกฎเลย แต่ว่าทั้งกฎและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เป็นพยานถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์
- โรม 3:22 - พระเจ้าทำให้เราเห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์ และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ พระองค์ทำอย่างนี้ผ่านทางความซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคนที่ไว้วางใจ ไม่มีใครแตกต่างกันเลย
- โรม 3:23 - เพราะทุกคนทำบาปเหมือนกันหมด และเสื่อมจากพระบารมีของพระเจ้า
- โรม 3:24 - พระเจ้ามีความเมตตากรุณาและพระองค์ยอมรับทุกคนมาเป็นคนของพระองค์โดยไม่คิดมูลค่า และเพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของบาป
- โรม 3:25 - พระเจ้าให้พระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป ที่พระเจ้าทำอย่างนี้ได้ก็เพราะพระเยซูนั้นซื่อสัตย์ และยอมที่จะหลั่งเลือดและตาย พระเจ้าให้พระเยซูเป็นเครื่องบูชา เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เพราะพระองค์อดทน และไม่ได้ลงโทษคนที่ทำบาปในอดีต
- โรม 3:26 - นอกจากนี้พระเจ้ายังต้องการแสดงให้เห็นในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และพระองค์ยอมรับคนที่มีส่วนรวมในความไว้วางใจของพระเยซู
- ยอห์น 14:6 - พระเยซูบอกว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
- โรม 6:14 - ความบาปก็ไม่มีอำนาจเหนือพวกคุณอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกคุณไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของกฎ แต่อยู่ใต้ความเมตตากรุณาของพระเจ้า