逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - แต่ใครจะทนอยู่ได้เมื่อวันของพระองค์มาถึง และใครจะยืนหยัดอยู่ได้ในวันที่พระองค์มาปรากฏ เพราะพระองค์นั้นเป็นเหมือนกับไฟหลอมแร่ และเหมือนกับสบู่ของช่างซักฟอก
- 新标点和合本 - 他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能立得住呢?因为他如炼金之人的火,如漂布之人的碱。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能立得住呢?因为他如炼金匠的火,如漂洗者的碱。
- 和合本2010(神版-简体) - 他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能立得住呢?因为他如炼金匠的火,如漂洗者的碱。
- 当代译本 - 然而,祂来临的日子,谁能承受得起?祂出现的时候,谁能站立得住?因为祂像炼金之火,又像漂白衣的碱。
- 圣经新译本 - 可是,他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能站立得住呢?因为他像炼金之人的火,又像漂布之人的碱。
- 中文标准译本 - 不过他来的日子,谁能承受得起呢?他显现的时候,谁能站立得住呢?因为他像炼金之人的火,又像漂布之人的碱。
- 现代标点和合本 - “他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能立得住呢?因为他如炼金之人的火,如漂布之人的碱。
- 和合本(拼音版) - 他来的日子,谁能当得起呢?他显现的时候,谁能立得住呢?因为他如炼金之人的火,如漂布之人的碱。
- New International Version - But who can endure the day of his coming? Who can stand when he appears? For he will be like a refiner’s fire or a launderer’s soap.
- New International Reader's Version - But who can live through the day when he comes? Who will be left standing when he appears? He will be like a fire that makes things pure. He will be like soap that makes things clean.
- English Standard Version - But who can endure the day of his coming, and who can stand when he appears? For he is like a refiner’s fire and like fullers’ soap.
- New Living Translation - “But who will be able to endure it when he comes? Who will be able to stand and face him when he appears? For he will be like a blazing fire that refines metal, or like a strong soap that bleaches clothes.
- The Message - But who will be able to stand up to that coming? Who can survive his appearance? He’ll be like white-hot fire from the smelter’s furnace. He’ll be like the strongest lye soap at the laundry. He’ll take his place as a refiner of silver, as a cleanser of dirty clothes. He’ll scrub the Levite priests clean, refine them like gold and silver, until they’re fit for God, fit to present offerings of righteousness. Then, and only then, will Judah and Jerusalem be fit and pleasing to God, as they used to be in the years long ago. * * *
- Christian Standard Bible - But who can endure the day of his coming? And who will be able to stand when he appears? For he will be like a refiner’s fire and like launderer’s bleach.
- New American Standard Bible - “But who can endure the day of His coming? And who can stand when He appears? For He is like a refiner’s fire, and like launderer’s soap.
- New King James Version - “But who can endure the day of His coming? And who can stand when He appears? For He is like a refiner’s fire And like launderers’ soap.
- Amplified Bible - “But who can endure the day of His coming? And who can stand when He appears? For He is like a refiner’s fire and like launderer’s soap [which removes impurities and uncleanness].
- American Standard Version - But who can abide the day of his coming? and who shall stand when he appeareth? for he is like a refiner’s fire, and like fullers’ soap:
- King James Version - But who may abide the day of his coming? and who shall stand when he appeareth? for he is like a refiner's fire, and like fullers' soap:
- New English Translation - Who can endure the day of his coming? Who can keep standing when he appears? For he will be like a refiner’s fire, like a launderer’s soap.
- World English Bible - “But who can endure the day of his coming? And who will stand when he appears? For he is like a refiner’s fire, and like launderers’ soap;
- 新標點和合本 - 他來的日子,誰能當得起呢?他顯現的時候,誰能立得住呢?因為他如煉金之人的火,如漂布之人的鹼。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 他來的日子,誰能當得起呢?他顯現的時候,誰能立得住呢?因為他如煉金匠的火,如漂洗者的鹼。
- 和合本2010(神版-繁體) - 他來的日子,誰能當得起呢?他顯現的時候,誰能立得住呢?因為他如煉金匠的火,如漂洗者的鹼。
- 當代譯本 - 然而,祂來臨的日子,誰能承受得起?祂出現的時候,誰能站立得住?因為祂像煉金之火,又像漂白衣的鹼。
- 聖經新譯本 - 可是,他來的日子,誰能當得起呢?他顯現的時候,誰能站立得住呢?因為他像煉金之人的火,又像漂布之人的鹼。
- 呂振中譯本 - 但他來的日子誰能當得起呢?他顯現時、誰能站得住呢? 『因為他像煉 金 之人的火,像漂布之人的鹼。
- 中文標準譯本 - 不過他來的日子,誰能承受得起呢?他顯現的時候,誰能站立得住呢?因為他像煉金之人的火,又像漂布之人的鹼。
- 現代標點和合本 - 「他來的日子,誰能當得起呢?他顯現的時候,誰能立得住呢?因為他如煉金之人的火,如漂布之人的鹼。
- 文理和合譯本 - 彼至之日、誰能當之、彼顯之時、誰能立乎、蓋彼若煆金之火、如漂布之鹼、
- 文理委辦譯本 - 彼既涖臨、顯著斯土、誰能恆立、彼若鍜金之火、浣布之鹻、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 誰能當其涖臨之日、誰能立在其顯現之時、 或作彼涖臨之日孰能當之彼顯現之時孰能恆立 彼若鍊金之火、漂布之鹼、 彼若鍊金之火漂布之鹼原文作彼若鍊金者之火漂布者之鹼
- Nueva Versión Internacional - Pero ¿quién podrá soportar el día de su venida? ¿Quién podrá mantenerse en pie cuando él aparezca? Porque será como fuego de fundidor o lejía de lavandero.
- 현대인의 성경 - 그러나 그가 오시는 날에 누가 견뎌낼 수 있겠느냐? 그가 나타나실 때에 누가 설 수 있겠느냐? 그는 용광로의 불과 같고 표백하는 잿물과 같을 것이다.
- Новый Русский Перевод - Но кто выдержит день Его прихода? Кто устоит, когда Он явится? Он будет как расплавляющий огонь и как очищающий щелок.
- Восточный перевод - Но кто выдержит день Его прихода? Кто устоит, когда Он явится? Он будет как расплавляющий огонь и как очищающий щёлок.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Но кто выдержит день Его прихода? Кто устоит, когда Он явится? Он будет как расплавляющий огонь и как очищающий щёлок.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Но кто выдержит день Его прихода? Кто устоит, когда Он явится? Он будет как расплавляющий огонь и как очищающий щёлок.
- La Bible du Semeur 2015 - Mais qui supportera le jour de sa venue ? Ou qui tiendra quand il apparaîtra ? Car il sera semblable au brasier du fondeur, au savon des blanchisseurs.
- リビングバイブル - 「だが彼が現れる時、 だれが生きていられるだろう。 彼が来ることに、だれが耐ええよう。 彼は燃えさかる火のようであり、 真っ黒に汚れた上着を、 真っ白にすることができるからだ。
- Nova Versão Internacional - Mas quem suportará o dia da sua vinda? Quem ficará em pé quando ele aparecer? Porque ele será como o fogo do ourives e como o sabão do lavandeiro.
- Hoffnung für alle - Doch wer kann mein Kommen ertragen? Wer kann an diesem Tag vor mir bestehen? Ich werde für euch wie Feuer im Schmelzofen sein und wie scharfe Lauge im Waschtrog.
- Kinh Thánh Hiện Đại - “Nhưng ai chịu đựng được ngày Ngài đến? Ai có thể đứng nổi khi Ngài hiện ra? Vì Ngài giống như lửa của thợ luyện kim, như xà phòng của thợ giặt.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - แต่ใครเล่าจะทนอยู่ได้ในวันที่พระองค์เสด็จมา? ใครเล่าจะยืนอยู่ได้เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ? เพราะพระองค์จะทรงเป็นเหมือนไฟถลุง เหมือนสบู่ของช่างฟอก
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - แต่ใครสามารถทนต่อวันนั้นได้เมื่อพระองค์มา และใครจะสามารถทนเมื่อพระองค์ปรากฏ เพราะพระองค์เป็นเหมือนเปลวไฟสำหรับหลอมเหล็ก และเหมือนผงซักฟอกของผู้ซักเสื้อผ้า
- Thai KJV - แต่ใครจะทนอยู่ได้ในวันที่ท่านมา และใครจะยืนมั่นอยู่ได้เมื่อท่านปรากฏตัว เพราะว่าท่านเป็นประดุจไฟถลุงแร่ และประดุจสบู่ของช่างซักฟอก
交叉引用
- วิวรณ์ 19:8 - เธอได้รับผ้าลินินที่สะอาดสดใสเป็นประกายซึ่งเธอจะใช้ใส่” (ผ้าลินินที่งดงามนั้นหมายถึงสิ่งดีๆที่คนของพระเจ้าได้ทำ)
- ลูกา 7:23 - คนที่ไม่ทิ้งเรา เพราะสิ่งที่เราทำ ก็เป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”
- เอเสเคียล 22:14 - ในวันที่เราจัดการกับเจ้า เจ้ายังจะกล้าดีอยู่อีกหรือ มือของเจ้ายังจะแข็งแกร่งอยู่อีกหรือ เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว และเราจะทำตามนั้นแน่
- ยอห์น 15:22 - ถ้าเราไม่ได้มาพูดกับพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาปอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับบาปของพวกเขาอีกต่อไป
- ยอห์น 15:23 - คนที่เกลียดเราก็เกลียดพระบิดาของเราด้วย
- ยอห์น 15:24 - เราได้ทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในหมู่พวกเขา ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาป แต่ตอนนี้ทั้งๆที่พวกเขาเห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราทำไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเกลียดเราและพระบิดาของเรา
- วิวรณ์ 7:14 - ผมตอบว่า “ท่านครับ ท่านย่อมรู้ดีว่าพวกเขาเป็นใคร” ผู้อาวุโสจึงบอกว่า “คนพวกนี้คือคนที่มาจากความทุกข์ยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาซักเสื้อคลุม ของเขาด้วยเลือดของลูกแกะจนมันขาวสะอาด
- ลูกา 2:34 - แล้วสิเมโอนอวยพรพวกเขา และพูดกับนางมารีย์แม่ของทารกน้อยว่า “พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นเหตุให้คนอิสราเอลมากมายต้องล้มลงหรือลุกขึ้น เด็กคนนี้จะเป็นสัญญาณเตือนจากพระเจ้าให้รู้ถึงความต้องการของพระองค์ แต่คนจำนวนมากจะต่อต้านเขา
- ลูกา 11:37 - เมื่อพระเยซูพูดจบแล้ว ฟาริสีคนหนึ่ง ก็ชวนพระองค์ไปกินอาหารที่บ้านของเขา เมื่อไปถึง พระองค์ก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหารทันที
- ลูกา 11:38 - ส่วนฟาริสีคนนั้นก็แปลกใจที่พระเยซูไม่ได้ล้างมือ ตามพิธีก่อนกินอาหาร
- ลูกา 11:39 - พระองค์ก็บอกว่า “พวกคุณฟาริสี ล้างถ้วยชามแต่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ภายในนั้นมีแต่ความโลภ และความชั่วร้ายเต็มไปหมด
- ลูกา 11:40 - ช่างโง่เสียจริง พระเจ้าสร้างด้านนอกและด้านในด้วยไม่ใช่หรือ
- ลูกา 11:41 - ถ้างั้นก็ให้กับคนจนด้วยใจ แล้วทุกอย่างก็จะสะอาดบริสุทธิ์สำหรับคุณ
- ลูกา 11:42 - น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เป็นฟาริสี คุณเคร่งครัดมากในเรื่องการถวายหนึ่งในสิบ ให้กับพระเจ้า แม้แต่ใบสะระแหน่ ต้นรู และสมุนไพร ก็ให้จนครบถ้วน แต่พวกคุณกลับไม่มีความยุติธรรม และไม่มีความรักให้กับพระเจ้า คุณควรจะทำสิ่งนี้ไปพร้อมๆกับการถวายด้วย
- ลูกา 11:43 - น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เป็นฟาริสี คุณชอบนั่งในที่อันมีเกียรติในที่ประชุม และชอบให้คนยกมือไหว้ที่ตลาด
- ลูกา 11:44 - น่าละอายจริงๆพวกคุณเป็นเหมือนหลุมศพที่ไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ ที่คนเดินเหยียบย่ำไปมาโดยไม่รู้ตัว”
- ลูกา 11:45 - คนที่เก่งกฎปฏิบัติคนหนึ่งพูดว่า “อาจารย์พูดอย่างนี้ ก็เท่ากับดูถูกพวกเราด้วย”
- ลูกา 11:46 - พระเยซูจึงตอบว่า “ใช่แล้ว พวกคุณที่เก่งกฎปฏิบัติ ก็น่าละอายจริงๆเพราะพวกคุณออกกฎที่เป็นภาระหนักอึ้งให้คนอื่นแบกไว้ แต่ตัวเองไม่คิดที่จะช่วยแบกแม้แต่นิ้วเดียว
- ลูกา 11:47 - น่าละอายจริงๆเพราะคุณสร้างอนุสาวรีย์สำหรับผู้พูดแทนพระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกคุณเป็นคนฆ่า
- มัทธิว 23:13 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด เจ้าปิดหนทางคนอื่นไม่ให้ไปถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์ ตัวเจ้าเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังไปขัดขวางไม่ให้คนอื่นที่เขาพยายามเข้าไปอีกด้วย
- มัทธิว 23:14 -
- มัทธิว 23:15 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อจะหาคนมานับถือศาสนาอย่างเจ้า แต่พอเจ้าได้เขามาแล้ว เจ้ากลับทำให้เขาสมควรที่จะตกนรกมากกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า
- มัทธิว 23:16 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นคนนำทางตาบอด พวกเจ้าสอนว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อวิหาร ก็ไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อทองคำในวิหารนั้น เขาจะต้องทำตามคำสาบานนั้น’
- มัทธิว 23:17 - เจ้าคนโง่ตาบอด อันไหนสำคัญกว่ากัน ระหว่างทองคำกับวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์
- มัทธิว 23:18 - พวกเจ้ายังพูดอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อแท่นบูชา มันไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อเครื่องเซ่นไหว้บนแท่นบูชานั้น เขาต้องทำตามคำสาบานนั้น’
- มัทธิว 23:19 - เจ้ามันตาบอดจริงๆ อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างของเซ่นไหว้กับแท่นบูชาที่ทำให้ของนั้นศักดิ์สิทธิ์
- มัทธิว 23:20 - ด้วยเหตุนี้ คนที่สาบานต่อแท่นบูชา ก็สาบานต่อแท่นบูชารวมถึงทุกสิ่งที่อยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย
- มัทธิว 23:21 - คนที่สาบานต่อวิหาร ก็สาบานต่อวิหารรวมถึงพระองค์ผู้ที่อยู่ในวิหารนั้นด้วย
- มัทธิว 23:22 - คนที่ได้สาบานต่อสวรรค์ ก็สาบานต่อบัลลังก์ของพระเจ้ารวมถึงพระองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นด้วย
- มัทธิว 23:23 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ให้หนึ่งในสิบส่วนของทุกอย่างที่เจ้ามีกับพระเจ้า แม้แต่สะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า เจ้าก็ให้ แต่พวกเจ้ากลับมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าในกฎปฏิบัตินั้น คือความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ การให้หนึ่งในสิบส่วนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรทิ้งคำสอนที่สำคัญกว่านี้ด้วยเหมือนกัน
- มัทธิว 23:24 - เจ้าคนนำทางตาบอด พวกเจ้ากรองแมลงออกจากน้ำดื่ม แต่กลับกลืนอูฐเข้าไปทั้งตัว
- มัทธิว 23:25 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ล้างถ้วยล้างจานแต่เพียงภายนอก แต่ภายในมีแต่ความโลภและกิเลสเต็มไปหมด
- มัทธิว 23:26 - เจ้าฟาริสีตาบอด ทำความสะอาดภายในถ้วยชามเสียก่อน แล้วภายนอกก็จะสะอาดไปเอง
- มัทธิว 23:27 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าเหมือนกับอุโมงค์ฝังศพที่ทาสีขาว ข้างนอกดูสวยงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกสารพัด
- มัทธิว 23:28 - เหมือนกับพวกเจ้า ที่ภายนอกคนเห็นว่าเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้า แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความชั่วร้าย
- มัทธิว 23:29 - น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้สร้างอุโมงค์ฝังศพให้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และตกแต่งอนุสาวรีย์ให้กับคนเหล่านั้นที่ทำตามใจพระเจ้า
- มัทธิว 23:30 - แล้วเจ้าก็พูดว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรานั้น เราจะไม่ยอมร่วมมือกับเขาในการฆ่าพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้แน่’
- มัทธิว 23:31 - นี่แสดงให้เห็นว่า พวกเจ้ายอมรับว่า ตัวเองเป็นลูกหลานของคนพวกนั้นที่ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้า
- มัทธิว 23:32 - ดังนั้นไปทำความบาปที่บรรพบุรุษเจ้าได้เริ่มไว้ให้เสร็จเสียสิ
- มัทธิว 23:33 - เจ้าพวกงูร้าย พวกอสรพิษ พวกเจ้าจะหนีนรกไปพ้นได้อย่างไร
- มัทธิว 23:34 - เราส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า คนที่มีปัญญา และครูมาหาเจ้า แล้วพวกเจ้าก็จับพวกเขาไปฆ่าบ้าง ไปตรึงบนไม้กางเขนบ้าง ไปเฆี่ยนในที่ประชุมบ้าง และไล่ล่าพวกเขาหนีจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งบ้าง
- มัทธิว 23:35 - ดังนั้นเลือดของคนที่ทำตามใจพระเจ้าที่หลั่งไหลลงบนโลกนี้จะตกลงบนพวกเจ้า ตั้งแต่เลือดของอาเบลจนถึงเลือดของเศคาริยาห์ ลูกของเบเรคิยาห์ที่โดนพวกเจ้าฆ่าตายระหว่างวิหารกับแท่นบูชา
- มัทธิว 25:10 - ขณะที่หญิงโง่ออกไปหาซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มาถึง เพื่อนเจ้าสาวที่พร้อมอยู่แล้วก็เข้าไปในงานแต่งงานกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ถูกปิดลง
- ยอห์น 8:55 - จริงๆแล้วพวกคุณไม่รู้จักพระองค์หรอก แต่เรารู้จักพระองค์ ถ้าเราพูดว่า ‘เราไม่รู้จักพระองค์’ เราก็จะเป็นคนโกหกเหมือนกับพวกคุณ เรารู้จักพระองค์และทำตามที่พระองค์บอก
- มัทธิว 3:7 - เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสี เป็นจำนวนมากพากันมา จะให้เขาทำพิธีจุ่มน้ำให้ ยอห์นพูดกับพวกเขาว่า “ไอ้ชาติอสรพิษ ใครเตือนให้พวกแกหลบหนีจากการลงโทษของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง
- มัทธิว 3:8 - พิสูจน์ให้ดูสิว่าแกกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ
- มัทธิว 3:9 - อย่านึกเอาเองว่า ‘พวกเราไม่ถูกลงโทษหรอก เพราะพวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม’ โธ่เอ๋ย ผมจะบอกให้รู้ว่า พระเจ้าสามารถเสกก้อนหินพวกนี้ให้กลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมก็ได้
- มัทธิว 3:10 - ขวานได้เตรียมไว้พร้อมแล้วเพื่อจะโค่นต้นไม้ทุกต้น ที่ไม่เกิดผลดี แล้วเอาไปโยนทิ้งในกองไฟ
- มัทธิว 3:11 - ผมทำพิธีจุ่มให้ด้วยน้ำ เพื่อให้รู้ว่าพวกคุณได้กลับตัวกลับใจแล้ว แต่จะมีผู้หนึ่งที่มาทีหลังผม ยิ่งใหญ่กว่าผมมาก ขนาดรองเท้าสานของเขา ผมยังไม่ดีพอที่จะถอดให้เลย เขาจะทำพิธีจุ่มให้กับพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ
- มัทธิว 3:12 - มือของเขาถือพลั่วพร้อมแล้วที่จะสะสางลานข้าวจนทั่วและจะแยกแกลบออกจากข้าว จะเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของเขา ส่วนแกลบก็เอาไปเผากับไฟที่ไม่มีวันดับ”
- ยอห์น 9:39 - พระเยซูพูดว่า “เรามาเพื่อพิพากษาโลกนี้ เรามาเพื่อคนตาบอด จะได้มองเห็น และเพื่อคนที่คิดว่าตัวเองมองเห็นจะกลายเป็นคนตาบอด”
- ยอห์น 9:40 - พวกฟาริสีบางคนที่ยืนอยู่แถวๆนั้นได้ยินที่พระเยซูพูด ถามพระองค์ว่า “แน่นอน แกคงไม่ได้หาว่าพวกเราตาบอดด้วย ใช่ไหม”
- ยอห์น 9:41 - พระเยซูจึงพูดว่า “ถ้าพวกคุณตาบอดก็จะไม่มีความผิดบาป แต่เพราะตอนนี้พวกคุณอ้างว่า ‘เรามองเห็น’ พวกคุณก็เลยยังคงอยู่ในความบาป”
- มาระโก 9:3 - เสื้อผ้าของพระองค์กลายเป็นสีขาวเปล่งประกายแวววับ ขาวกว่าที่คนฟอกผ้าในโลกนี้จะฟอกให้ขาวขนาดนี้ได้
- วิวรณ์ 1:5 - และจากพระเยซูผู้เป็นพยานที่ซื่อสัตย์ เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตายและเป็นผู้มีอำนาจเหนือกษัตริย์ทั้งหลายในโลกนี้
- วิวรณ์ 1:6 - พระองค์ทำให้เราเป็นพวกกษัตริย์และเป็นพวกนักบวชที่รับใช้พระเจ้าพระบิดาของพระองค์ ขอให้พระเยซูคริสต์ได้รับเกียรติและมีฤทธิ์อำนาจตลอดกาล อาเมน
- วิวรณ์ 1:7 - ดูนั่นสิ พระเยซูกำลังมาพร้อมกับกลุ่มเมฆนั้น ทุกคนจะเห็นพระองค์ แม้แต่คนที่แทงพระองค์ ทุกเผ่าพันธุ์ในโลกจะโศกเศร้าเพราะพระองค์ และจะเป็นตามนั้นอย่างแน่นอน อาเมน
- มัทธิว 21:31 - “ลูกสองคนนี้ คนไหนที่เชื่อฟังพ่อของเขา” พวกหัวหน้าชาวยิวตอบว่า “ลูกคนแรก” พระเยซูจึงบอกพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนเก็บภาษีและโสเภณีกำลังเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนพวกคุณเสียอีก
- มัทธิว 21:32 - ยอห์นได้มาชี้ให้เห็นว่า จะใช้ชีวิตที่ถูกต้องกับพระเจ้าได้อย่างไร พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อเขา แต่คนเก็บภาษีและโสเภณีกลับเชื่อยอห์น ถึงแม้คุณเห็นพวกเขาทำอย่างนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจมาเชื่อยอห์นเลย
- มัทธิว 21:33 - ฟังเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้ดี เจ้าของที่แปลงหนึ่งได้ทำสวนองุ่นไว้ ล้อมรั้วไว้รอบ ขุดบ่อย่ำองุ่น และสร้างหอคอย แล้วให้ชาวสวนมาเช่าสวนองุ่นนั้น ส่วนตัวเขาเดินทางไปต่างประเทศ
- มัทธิว 21:34 - เมื่อถึงฤดูเก็บองุ่น เจ้าของสวนส่งพวกทาสของเขามารับส่วนแบ่งองุ่นจากพวกคนเช่า
- มัทธิว 21:35 - แต่พวกคนเช่าจับทาสของเขาไว้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง แล้วเอาหินขว้างอีกคนหนึ่ง
- มัทธิว 21:36 - เจ้าของสวนจึงส่งพวกทาสมามากกว่าครั้งแรก แต่ก็ถูกพวกคนเช่าสวน ทำเหมือนเดิม
- มัทธิว 21:37 - สุดท้าย เจ้าของสวนจึงส่งลูกชายของเขามาเอง เขาว่า ‘พวกนั้นจะต้องเคารพยำเกรงลูกชายของเราแน่ๆ’
- มัทธิว 21:38 - แต่เมื่อพวกคนเช่าเห็นลูกชายของเขามา ก็พูดกันว่า ‘นี่ไง ผู้รับมรดก เร็วเข้าพวกเรา ฆ่ามันซะ สวนนี้จะได้ตกเป็นของพวกเรา’
- มัทธิว 21:39 - พวกคนเช่าสวนจึงจับตัวลูกชายเจ้าของสวนโยนออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเขา
- มัทธิว 21:40 - เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะทำอย่างไรกับคนเช่าพวกนี้”
- มัทธิว 21:41 - พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสตอบว่า “เขาจะต้องฆ่าคนชั่วพวกนั้นอย่างโหดเหี้ยม และให้ชาวสวนคนอื่นที่ยอมแบ่งองุ่นให้กับเขาเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวมาเช่าต่อ”
- มัทธิว 21:42 - พระเยซูบอกพวกเขาว่า “พวกคุณไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้หรือที่ว่า ‘หินก้อนนี้ที่ช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายมาเป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด องค์เจ้าชีวิตทำให้เป็นอย่างนั้น สำหรับเราแล้วนี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ’
- มัทธิว 21:43 - เราจะบอกให้รู้ว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะถูกริบเอาไปจากคุณ และยกไปให้กับคนที่ทำตามความต้องการของพระเจ้า
- มัทธิว 21:44 - คนที่ล้มทับหินนี้ ร่างกายก็จะหักเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าถูกหินนี้ล้มทับ คนนั้นก็จะแหลกละเอียด”
- วิวรณ์ 2:23 - เราจะฆ่าพวกลูกศิษย์ของนาง และทุกหมู่ประชุมจะได้รู้ว่า เราคือผู้ที่หยั่งรู้ความคิดและความตั้งใจของทุกคน และเราจะตอบแทนพวกเจ้าแต่ละคนตามสิ่งที่พวกเจ้าได้ทำลงไป”
- กิจการ 7:52 - มีผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนบ้าง ที่บรรพบุรุษของคุณไม่ได้ข่มเหง พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งคนพวกนั้นที่นานมาแล้วได้ประกาศถึงการมาขององค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และตอนนี้พวกคุณก็ได้ทรยศและฆ่าพระองค์แล้ว
- กิจการ 7:53 - พวกคุณนั่นแหละ เป็นพวกที่ได้รับกฎปฏิบัติที่พวกทูตสวรรค์นำมา แต่พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อฟังกฎนั้น”
- กิจการ 7:54 - เมื่อผู้นำชาวยิวได้ยินอย่างนั้น ต่างก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พวกเขาแยกเขี้ยวยิงฟันเข้าใส่สเทเฟน
- ลูกา 21:36 - คุณต้องระวังตัวทุกเวลา และอธิษฐานให้ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น และจะได้สามารถมายืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์”
- อาโมส 5:18 - นี่ เจ้าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยวันพิพากษาของพระยาห์เวห์ ทำไมเจ้าถึงอยากเจอวันพิพากษาของพระยาห์เวห์นัก วันนั้นจะมืดมิดไม่สว่าง
- อาโมส 5:19 - มันจะเหมือนกับคนที่วิ่งหนีสิงโต แต่ไปเจอหมี หรือคนที่หนีเข้าไปในบ้าน และเอามือพิงฝาแล้วถูกงูกัดเข้า
- อาโมส 5:20 - วันของพระยาห์เวห์นั้น จะมืดมิดไม่สว่างไสว มันจะมืดสนิทชนิดไม่มีแสงรอดเข้ามาได้เลย
- ลูกา 3:17 - เขาถือพลั่วพร้อมแล้วที่จะแยกแกลบออกจากข้าว แล้วทำความสะอาดลานข้าวด้วยการเก็บรวบรวมเมล็ดข้าวสาลีไว้ในยุ้งฉางของเขา ส่วนแกลบก็เอาไปเผาด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ”
- ลูกา 3:9 - พระองค์ได้เตรียมขวานไว้พร้อมแล้ว และต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดี จะถูกโค่นและโยนทิ้งลงในไฟ”
- อิสยาห์ 1:18 - พระยาห์เวห์พูดว่า มาสู้ความกันเถอะ ถึงแม้พวกบาปของเจ้าจะแดงสด พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนหิมะได้ ถึงแม้บาปพวกนั้นของเจ้าจะแดงเข้ม พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนขนแกะได้
- ยอห์น 6:42 - พวกยิวพูดกันว่า “นี่มันเจ้าเยซู ลูกของโยเซฟ ที่เราก็รู้จักทั้งพ่อและแม่ของมันไม่ใช่หรือ โธ่เอ๊ย แล้วมันพูดได้อย่างไรว่า ‘เราลงมาจากสวรรค์’”
- ยอห์น 6:43 - พระเยซูพูดขึ้นว่า “เลิกบ่นกันได้แล้ว
- ยอห์น 6:44 - ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากว่าพระบิดาผู้ส่งเรามาจะพาเขามาหาเรา และเราจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมามีชีวิตในวันสุดท้าย
- เยเรมียาห์ 2:22 - ถึงเจ้าจะเอากรดหรือสบู่สารพัดมาล้างตัว เจ้าก็ยังดูเลอะเปรอะเปื้อน ในสายตาเราอยู่ดี เพราะการกระทำที่ชั่วช้าของเจ้านั่นแหละ” พระยาห์เวห์เจ้านายของผม พูดไว้ว่าอย่างนั้น
- มาลาคี 4:1 - “ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะวันนั้นกำลังมา มันจะเผาไหม้เหมือนเตาอบ และคนอวดดีทั้งหมด และคนที่ทำผิดทั้งหมด ก็จะกลายเป็นตอข้าว วันที่มาถึงนั้นก็จะเผาไหม้พวกมันจนหมด” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนั้น “มันจะเป็นวันที่พวกมันจะไม่เหลือแม้แต่รากหรือกิ่งเลย”
- ลูกา 11:52 - น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เก่งกฎปฏิบัติ เพราะคุณเอากุญแจที่จะไขความรู้ไป แต่ตัวเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังขัดขวางคนอื่นที่กำลังจะเข้าไปอีกด้วย”
- ลูกา 11:53 - เมื่อพระเยซูออกไปแล้ว พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสี ก็เริ่มต่อต้านพระองค์อย่างหนัก และซักถามหลายๆเรื่องอย่างไม่หวังดี
- ลูกา 11:54 - เพื่อคอยจับผิดคำพูดของพระองค์
- ยอห์น 8:41 - แต่คุณทำตามที่พ่อของคุณทำ” พวกยิวจึงพูดกับพระเยซูว่า “พวกเราไม่ได้เป็นลูกชู้ พระเจ้าเท่านั้นคือพ่อที่แท้จริงของเรา”
- ยอห์น 8:42 - พระเยซูพูดว่า “ถ้าพระเจ้าเป็นพ่อของพวกคุณจริงๆพวกคุณก็คงรักเราแล้ว เพราะเรามาจากพระเจ้า ที่เราอยู่ที่นี่ก็เพราะพระเจ้าส่งมา เราไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเอง
- ยอห์น 8:43 - ที่พวกคุณไม่เข้าใจเรื่องที่เราพูดก็เพราะคุณทนฟังไม่ได้
- ยอห์น 8:44 - พวกคุณมาจากพ่อของคุณที่เป็นมารร้าย และพวกคุณก็อยากจะทำตามใจพ่อของคุณ มันเป็นนักฆ่าคนมาตั้งแต่แรกแล้ว และมันก็ไม่เคยอยู่ฝ่ายความจริงเลย เพราะมันไม่มีความจริงในตัวเอง มันพูดโกหกตามสันดานของมัน เพราะมันเป็นนักโกหก และเป็นพ่อของการโกหก
- ยอห์น 8:45 - เมื่อเราพูดความจริง พวกคุณก็เลยไม่เชื่อเรา
- ยอห์น 8:46 - มีใครบ้างในพวกคุณที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำบาป แล้วทำไมถึงไม่ยอมเชื่อเราเมื่อเราพูดความจริง
- ยอห์น 8:47 - คนของพระเจ้าจะฟังคำพูดของพระเจ้า แต่ที่พวกคุณไม่ยอมฟังเรา ก็เพราะคุณไม่ได้เป็นคนของพระเจ้า”
- ยอห์น 8:48 - พวกยิวได้ถามพระองค์ว่า “พวกเราพูดผิดตรงไหนที่ว่าแกเป็นชาวสะมาเรีย และมีผีสิง”
- สดุดี 2:7 - กษัตริย์องค์นี้พูดว่า “ให้เราอธิบายให้เจ้าฟัง ถึงประกาศิตของพระยาห์เวห์ พระองค์บอกกับเราว่า ‘เจ้าคือลูกชายของเรา ในวันนี้ เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว’
- โรม 9:31 - แต่คนอิสราเอลแสวงหากฎที่กำหนดว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากคนของพระองค์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บรรลุถึงกฎนั้น
- โรม 9:32 - ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะเขาแสวงหากฎนั้นเหมือนกับมันขึ้นอยู่กับการกระทำ แทนที่จะพึ่งความไว้วางใจ เขาก็เลยสะดุดหินล้ม
- โรม 9:33 - เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ดูสิ เราได้วางก้อนหินก้อนหนึ่งไว้ที่ศิโยนที่จะทำให้คนสะดุด เป็นศิลาที่จะทำให้คนล้มลง แต่คนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้น จะไม่มีวันอับอาย”
- โรม 11:5 - เวลานี้ก็เหมือนกัน ยังมีคนกลุ่มเล็กๆเหลืออยู่ เป็นคนที่พระเจ้าเลือกไว้ด้วยความเมตตากรุณาของพระองค์
- โรม 11:6 - ถ้าพระองค์เลือกเรามาด้วยความเมตตากรุณา แสดงว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเรียกว่าเป็นความเมตตาได้อย่างไร
- โรม 11:7 - ถ้าอย่างนั้นจะว่าอย่างไรดี คนอิสราเอลไม่ได้เจอสิ่งที่เขาหา แต่กลุ่มคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้กลับเป็นผู้ที่ได้เจอ ส่วนคนอิสราเอลที่เหลือก็มีจิตใจดื้อด้านไป
- โรม 11:8 - เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดไว้ว่า “พระเจ้าได้มอบจิตใจที่เย็นชาให้พวกนี้” “พระองค์ทำให้ตาของเขามองอะไรก็ไม่เห็น หูของเขาฟังอะไรก็ไม่ได้ยินจนถึงทุกวันนี้”
- โรม 11:9 - กษัตริย์ดาวิดพูดเรื่องเดียวกันนี้ว่า “ขอให้งานเลี้ยงต่างๆของพวกเขาเป็นหลุมพรางและกับดัก ขอให้พวกเขาล้มลงและได้รับกรรมที่ทำไว้
- โรม 11:10 - ขอให้ตาของพวกเขามืดบอดจนมองไม่เห็น และขอให้พระองค์ทำให้หลังของพวกเขางอจากการแบกปัญหาตลอดไป”
- ฮีบรู 10:28 - คนไหนที่ไม่ยอมเชื่อฟังกฎของโมเสส และมีพยานสักสองสามปาก คนนั้นก็ถูกประหารชีวิตอย่างไร้ความเมตตา
- ฮีบรู 10:29 - คิดดูสิว่า คนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และมองเลือดของคำสัญญาใหม่ที่ได้ชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นว่าไร้ค่า แถมยังดูถูกพระวิญญาณแห่งความเมตตากรุณา คนพวกนี้สมควรจะได้รับโทษหนักกว่าคนพวกนั้นขนาดไหน
- ฮีบรู 12:25 - ระวังให้ดี อย่าปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ที่กำลังพูดกับพวกคุณอยู่ ถ้าคนพวกนั้นที่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ในโลกนี้ ยังหนีการลงโทษไม่พ้นเลย แล้วเราล่ะ คิดว่าถ้าเมินหน้าหนีจากพระองค์ที่เตือนเรามาจากสวรรค์นั้น จะหนีพ้นหรือ
- 1 เปโตร 2:7 - ดังนั้น พวกคุณที่ไว้วางใจ มีส่วนร่วมในเกียรติของหินก้อนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ไว้วางใจ มันก็เป็นไปตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “หินก้อนนี้ ที่คนก่อสร้างได้โยนทิ้งไป กลับกลายมาเป็นหินที่สำคัญที่สุด”
- 1 เปโตร 2:8 - และ “เป็นหินที่ทำให้คนเดินสะดุด และเป็นก้อนหินที่ทำให้คนหกล้ม” พวกเขาสะดุดล้มก็เพราะไม่ยอมเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว
- วิวรณ์ 6:17 - เพราะว่าวันแห่งความโกรธแค้นอันน่ากลัวได้มาถึงแล้ว และไม่มีใครที่จะรอดชีวิตจากการลงโทษของทั้งสองพระองค์นั้นได้”
- 1 โครินธ์ 3:13 - ผลงานของแต่ละคนจะปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นอย่างไร เพราะทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นในวันที่พระเจ้ามาพิพากษาโลก วันนั้น จะมาพร้อมกับไฟ และไฟนี้จะทดสอบคุณภาพงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร
- 1 โครินธ์ 3:14 - ถ้างานของใครที่ก่อสร้างบนรากฐานนั้นยังคงทนอยู่ได้ คนๆนั้นก็จะได้รับรางวัล
- 1 โครินธ์ 3:15 - แต่ถ้างานของใครถูกไฟเผาไหม้ไป คนๆนั้นก็จะได้รับความเสียหาย ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนคนที่วิ่งฝ่าเปลวไฟออกมา
- อิสยาห์ 4:4 - เมื่อพระยาห์เวห์ได้ล้างความสกปรกโสมมของพวกผู้หญิงในศิโยนและได้ชำระล้างเลือดออกจากเยรูซาเล็มด้วยพระวิญญาณแห่งการตัดสินอย่างยุติธรรมและพระวิญญาณแห่งการเผาไหม้ให้บริสุทธิ์
- เศคาริยาห์ 13:9 - เราจะเอาที่เหลือหนึ่งในสามนั้นใส่เข้าไปในไฟ เราจะหลอมพวกเขาเหมือนกับหลอมเงิน เราจะทดสอบพวกเขาเหมือนกับทดสอบทองคำเพื่อให้มันบริสุทธิ์” แล้วพวกเขาจะร้องขอให้เราช่วย และเราจะตอบพวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นคนของเรา” พวกเขาจะพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเรา”