逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - เมื่อเมฆลอยไปจากเต็นท์ ก็มีเกร็ดขาวๆเหมือนหิมะโผล่ขึ้นมาตามผิวหนังของมิเรียม เมื่ออาโรนหันมาที่มิเรียม ก็เห็นเกร็ดสีขาวบนตัวนาง
- 新标点和合本 - 云彩从会幕上挪开了,不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- 和合本2010(上帝版-简体) - 当云彩从帐幕上离开时,看哪,米利暗长了麻风,像雪那么白。亚伦转向米利暗,看哪,她长了麻风。
- 和合本2010(神版-简体) - 当云彩从帐幕上离开时,看哪,米利暗长了麻风,像雪那么白。亚伦转向米利暗,看哪,她长了麻风。
- 当代译本 - 云彩从会幕上离开的时候,米利暗身上患了麻风病,像雪一样白。亚伦见状,
- 圣经新译本 - 云彩从会幕上离开,米利暗就长了大痲风,像雪那样白;亚伦转身过来看米利暗,见她长了大痲风。
- 中文标准译本 - 云彩从会幕上方收回了,看哪,米利暗患了麻风病,像雪一样。亚伦转向米利暗,看见她患了麻风病。
- 现代标点和合本 - 云彩从会幕上挪开了,不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- 和合本(拼音版) - 云彩从会幕上挪开了。不料,米利暗长了大麻风,有雪那样白。亚伦一看米利暗长了大麻风,
- New International Version - When the cloud lifted from above the tent, Miriam’s skin was leprous —it became as white as snow. Aaron turned toward her and saw that she had a defiling skin disease,
- New International Reader's Version - When the cloud went up from above the tent, there stood Miriam. She had a disease that made her skin as white as snow. Aaron turned toward her. He saw that she had a skin disease.
- English Standard Version - When the cloud removed from over the tent, behold, Miriam was leprous, like snow. And Aaron turned toward Miriam, and behold, she was leprous.
- New Living Translation - As the cloud moved from above the Tabernacle, there stood Miriam, her skin as white as snow from leprosy. When Aaron saw what had happened to her,
- The Message - When the Cloud moved off from the Tent, oh! Miriam had turned leprous, her skin like snow. Aaron took one look at Miriam—a leper!
- Christian Standard Bible - As the cloud moved away from the tent, Miriam’s skin suddenly became diseased, resembling snow. When Aaron turned toward her, he saw that she was diseased
- New American Standard Bible - But when the cloud had withdrawn from above the tent, behold, Miriam was leprous, as white as snow. As Aaron turned toward Miriam, behold, she was leprous.
- New King James Version - And when the cloud departed from above the tabernacle, suddenly Miriam became leprous, as white as snow. Then Aaron turned toward Miriam, and there she was, a leper.
- Amplified Bible - But when the cloud had withdrawn from over the tent, behold, Miriam was leprous, as white as snow. And Aaron turned and looked at Miriam, and, behold, she was leprous.
- American Standard Version - And the cloud removed from over the Tent; and, behold, Miriam was leprous, as white as snow: and Aaron looked upon Miriam, and, behold, she was leprous.
- King James Version - And the cloud departed from off the tabernacle; and, behold, Miriam became leprous, white as snow: and Aaron looked upon Miriam, and, behold, she was leprous.
- New English Translation - When the cloud departed from above the tent, Miriam became leprous as snow. Then Aaron looked at Miriam, and she was leprous!
- World English Bible - The cloud departed from over the Tent; and behold, Miriam was leprous, as white as snow. Aaron looked at Miriam, and behold, she was leprous.
- 新標點和合本 - 雲彩從會幕上挪開了,不料,米利暗長了大痲瘋,有雪那樣白。亞倫一看米利暗長了大痲瘋,
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 當雲彩從帳幕上離開時,看哪,米利暗長了痲瘋,像雪那麼白。亞倫轉向米利暗,看哪,她長了痲瘋。
- 和合本2010(神版-繁體) - 當雲彩從帳幕上離開時,看哪,米利暗長了痲瘋,像雪那麼白。亞倫轉向米利暗,看哪,她長了痲瘋。
- 當代譯本 - 雲彩從會幕上離開的時候,米利暗身上患了痲瘋病,像雪一樣白。亞倫見狀,
- 聖經新譯本 - 雲彩從會幕上離開,米利暗就長了大痲風,像雪那樣白;亞倫轉身過來看米利暗,見她長了大痲風。
- 呂振中譯本 - 雲彩從會棚旁一挪開,哎呀, 米利暗 竟患了痲瘋屬之病了,就像雪 那麼白 ; 亞倫 向 米利暗 細看一下,只見她真地患了痲瘋屬之病了。
- 中文標準譯本 - 雲彩從會幕上方收回了,看哪,米利暗患了痲瘋病,像雪一樣。亞倫轉向米利暗,看見她患了痲瘋病。
- 現代標點和合本 - 雲彩從會幕上挪開了,不料,米利暗長了大痲瘋,有雪那樣白。亞倫一看米利暗長了大痲瘋,
- 文理和合譯本 - 雲離會幕、米利暗患癩、色皎如雪、亞倫顧之、見其患癩、
- 文理委辦譯本 - 雲亦離會幕、米哩暗患癩色皎若雪、亞倫視之、知其患癩、
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 雲亦離幕、 米利暗 忽患癩、色白如雪、 亞倫 回顧 米利暗 見其患癩、
- Nueva Versión Internacional - Tan pronto como la nube se apartó de la Tienda, a Miriam se le puso la piel blanca como la nieve. Cuando Aarón se volvió hacia ella, vio que tenía una enfermedad infecciosa.
- 현대인의 성경 - 구름이 성막 위에서 사라지고 미리암은 갑자기 문둥병에 걸려 온 몸이 하얗게 되었다. 아론이 이것을 보고
- Новый Русский Перевод - Когда облако поднялось от шатра, Мирьям покрылась проказой, как снегом. Аарон повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Харун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Харун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Когда облако поднялось от шатра, Марьям поразила проказа , её кожа стала белой, как снег. Хорун повернулся к ней и увидел, что она поражена проказой.
- La Bible du Semeur 2015 - A peine la nuée avait-elle quitté la tente, que Miryam se trouva couverte d’une lèpre blanche comme la neige. Quand Aaron se tourna vers Miryam, il vit qu’elle était lépreuse.
- リビングバイブル - そして、雲が幕屋を離れると、そのとたんミリヤムはツァラアトにかかり、見る見る肌が白くなっていきました。
- Nova Versão Internacional - Quando a nuvem se afastou da Tenda, Miriã estava leprosa ; sua aparência era como a da neve. Arão voltou-se para Miriã, viu que ela estava com lepra
- Hoffnung für alle - und die Wolke verschwand vom heiligen Zelt. Als Aaron sich zu Mirjam umdrehte, war ihre Haut weiß wie Schnee, denn sie war aussätzig geworden!
- Kinh Thánh Hiện Đại - Vừa khi đám mây bay khỏi nóc Đền Tạm, Mi-ri-am liền bị bệnh phong hủi trắng như tuyết. A-rôn thấy thế,
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - เมื่อเมฆที่อยู่เหนือพลับพลาลอยขึ้น มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อน เป็นด่างขาวดั่งหิมะ อาโรนหันไปเห็นมิเรียมเป็นโรคเรื้อน
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - เมื่อก้อนเมฆลอยเคลื่อนไปจากกระโจม ดูเถิด มิเรียมเป็นโรคเรื้อนขาวราวหิมะ อาโรนหันไปทางมิเรียม และดูเถิด นางเป็นโรคเรื้อน
- Thai KJV - เมื่อเมฆลอยพ้นพลับพลาไป ดูเถิด มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อน ขาวดุจหิมะ อาโรนหันไปดูมิเรียมและดูเถิด นางเป็นโรคเรื้อน
交叉引用
- 2 พงศ์กษัตริย์ 15:5 - พระยาห์เวห์ทำให้กษัตริย์อุสซียาห์ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคผิวหนังร้ายแรงจนถึงวันตาย และอุสซียาห์ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่แยกออกมาต่างหาก โยธามลูกชายของเขา ได้ทำหน้าที่ดูแลวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้น
- เอเสเคียล 10:18 - แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นจากธรณีประตูของวิหารไปหยุดอยู่เหนือเครูบ
- เอเสเคียล 10:19 - ในขณะที่ผมมองดูอยู่นั้น เครูบเหล่านั้นได้กางปีกบินขึ้นจากพื้น และเมื่อพวกเขาไป ล้อทั้งหมดได้ตามพวกเขาไปด้วย แล้วพวกเขาได้ไปหยุดอยู่ที่ประตูทางทิศตะวันออกของวิหารของพระยาห์เวห์ และรัศมีแห่งพระเจ้าของอิสราเอลอยู่เหนือพวกเขา
- อพยพ 4:6 - พระยาห์เวห์พูดกับเขาอีกว่า “คราวนี้ ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อของเจ้าซิ” เมื่อโมเสสล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ และดึงมันออกมา มือของเขากลายเป็นโรคสีขาวเหมือนหิมะ
- เอเสเคียล 10:4 - แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นไปจากด้านบนของเครูบเหล่านั้น และเคลื่อนที่ไปที่ธรณีประตูวิหาร มีเมฆอยู่เต็มวิหารไปหมด และรัศมีของพระยาห์เวห์ส่องสว่างไปทั่วลานนั้น
- เอเสเคียล 10:5 - เสียงจากปีกของเครูบดังไปไกลถึงลานด้านนอก เหมือนกับเสียงของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเมื่อพระองค์พูด
- มัทธิว 25:41 - แล้วกษัตริย์หันไปตวาดใส่พวกที่อยู่ทางซ้ายมือว่า ‘ไปให้พ้น พวกที่ถูกสาปแช่ง ไปตกในกองไฟที่ไม่มีวันดับ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารและพวกผู้ช่วยของมัน
- อพยพ 33:7 - โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งนอกค่าย ห่างออกไปจากค่าย และเขาเรียกมันว่าเต็นท์นัดพบ ใครที่แสวงหาพระยาห์เวห์ ก็จะออกมาที่เต็นท์หลังนี้ที่อยู่นอกค่าย
- อพยพ 33:8 - เมื่อโมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชาชนทั้งหมดก็จะลุกขึ้น และยืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของแต่ละคน พวกเขาจะเฝ้าดูโมเสส จนกระทั่งโมเสสเข้าไปในเต็นท์นั้น
- อพยพ 33:9 - เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์ เสาเมฆก็จะลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบนั้น และพระยาห์เวห์ก็จะพูดกับโมเสส
- อพยพ 33:10 - เมื่อประชาชนทุกคนเห็นเสาเมฆลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบ พวกเขาทั้งหมดก็จะก้มกราบลงที่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตัวเอง
- เลวีนิติ 13:2 - “ถ้าคนๆหนึ่งเกิดมีแผล ตกสะเก็ดหรือตุ่มน้ำใสๆขึ้นบนผิวหนัง และลุกลามกลายเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เขาต้องถูกนำตัวมาพบอาโรนหรือลูกชายอาโรนที่เป็นนักบวชคนใดคนหนึ่ง
- เลวีนิติ 13:3 - นักบวชจะตรวจดูแผลที่ผิวหนังตามร่างกายของเขา ถ้าขนที่แผลเปลี่ยนเป็นสีขาว และแผลก็กินลึกเข้าไปในเนื้อชั้นในแล้ว นั่นหมายถึงเขาเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เมื่อนักบวชตรวจดูเสร็จแล้ว เขาต้องประกาศออกมาว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:4 - แต่ถ้าผิวหนังตามร่างกายของคนๆนั้นเป็นจุดขาวๆแต่ไม่มีแผลที่กินลึกเข้าไปในเนื้อ และขนก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว นักบวชจะต้องแยกคนๆนั้นออกจากประชาชนเป็นเวลาเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:5 - ในวันที่เจ็ดนักบวชต้องกลับมาตรวจดูคนๆนั้นอีกครั้ง ถ้ารอยแผลนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ลุกลามไปบนผิวหนัง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกจากประชาชนอีกเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:6 - ในวันที่เจ็ดกลับมาตรวจดูอีกครั้ง ถ้ารอยแผลจางลงและแผลไม่กระจายลุกลามบนผิวหนัง นักบวชต้องประกาศให้คนๆนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ รอยแผลนั้นเป็นเพียงสะเก็ดแผล คนๆนั้นต้องซักล้างเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:7 - แต่ถ้าสะเก็ดแผลนั้นเกิดลุกลามไปบนผิวหนัง หลังจากที่นักบวชป่าวประกาศให้คนๆนั้นบริสุทธิ์แล้ว เขาต้องกลับไปพบนักบวชอีกครั้ง
- เลวีนิติ 13:8 - ถ้านักบวชตรวจดูแล้วพบว่าแผลลุกลามจริง นักบวชต้องประกาศใหม่ว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง
- เลวีนิติ 13:9 - เมื่อคนๆหนึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง คนๆนั้นจะถูกนำตัวมาพบนักบวช
- เลวีนิติ 13:10 - ถ้านักบวชตรวจดูและพบแผลพุพองสีขาวบนผิวหนัง ขนบางส่วนรอบๆกลายเป็นสีขาวและมีแผ่นเนื้อสดอยู่ในแผลพุพองนั้น
- เลวีนิติ 13:11 - มันคือโรคผิวหนังชนิดเรื้อรัง นักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องแยกออกมาคอยดูอาการ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว
- เลวีนิติ 13:12 - ถ้าโรคผิวหนังเรื้อรังนั้น เกิดลุกลามไปบนผิวหนังส่วนอื่น จนเกิดเป็นโรคติดเชื้อไปทั่วผิวหนังของคนๆนั้น ตั้งแต่หัวจรดเท้า นักบวชต้องตรวจดูทุกส่วนของร่างกาย
- เลวีนิติ 13:13 - นักบวชต้องดู ถ้าหากโรคมันลุกลามจนทั่วร่างกายของคนผู้นั้น จนตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด นักบวชต้องประกาศให้คนที่ติดเชื้อนั้น เป็นผู้บริสุทธิ์เพราะตัวเขาบริสุทธิ์แล้ว เพราะผิวหนังได้เปลี่ยนเป็นสีขาวหมดแล้ว
- เลวีนิติ 13:14 - แต่ทันทีที่มีแผลสดเกิดขึ้น เขาจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ทันที
- เลวีนิติ 13:15 - นักบวชต้องตรวจดูแผลสด และประกาศว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะแผลสดเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ มันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง
- เลวีนิติ 13:16 - ถ้าแผลสดนั้นหายดีแล้วเหลือแต่จุดขาว คนๆนั้นต้องไปพบนักบวช
- เลวีนิติ 13:17 - ถ้านักบวชตรวจดูและพบว่าแผลนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว นักบวชต้องประกาศให้คนที่ติดเชื้อนั้นเป็นคนบริสุทธิ์และคนๆนั้นก็จะบริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:18 - เมื่อมีฝีเกิดขึ้นบนผิวหนังตามร่างกายของคนๆหนึ่ง และมันก็ได้รับการรักษาจนหาย
- เลวีนิติ 13:19 - และมีรอยแผลพุพองหรือจุดขาวออกสีแดงเรื่อๆเกิดขึ้นในที่ที่เคยเป็นฝี คนๆนั้นต้องไปพบนักบวช
- เลวีนิติ 13:20 - นักบวชจะตรวจดู ถ้าแผลนั้นกินลึกเข้าในผิวหนัง และขนบริเวณรอบๆเปลี่ยนเป็นสีขาว นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มันคือโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดจากฝี
- เลวีนิติ 13:21 - แต่ถ้านักบวชตรวจดูแผลแล้ว ไม่พบขนสีขาว แผลก็ไม่กินลึกลงไปและยังเริ่มจางลง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกเป็นเวลาเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:22 - ถ้าแผลยังลุกลามไปตามผิวหนัง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือแผลติดเชื้อ
- เลวีนิติ 13:23 - แต่ถ้าจุดใสๆนั้นยังมีอยู่ที่เดิมและไม่กระจายลุกลาม มันเป็นเพียงสะเก็ดแผลจากฝี นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:24 - หรือเมื่อคนใดคนหนึ่งมีแผลไฟไหม้บนผิวหนัง และเกิดแผลรอยไหม้เป็นจุดสีขาวหรือสีออกแดงเรื่อๆ
- เลวีนิติ 13:25 - นักบวชต้องตรวจแผลดู ถ้าขนที่บริเวณแผลเปลี่ยนเป็นสีขาวและมันเกิดเป็นแผลลึกเข้าไปในเนื้อ มันคือโรคผิวหนังอันตราย ที่เกิดจากแผลไฟไหม้ นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังอันตราย
- เลวีนิติ 13:26 - แต่ถ้านักบวชตรวจดูแล้ว ไม่มีขนสีขาวบริเวณแผลและแผลก็ไม่กินลึกลงในเนื้อ ทั้งยังค่อยๆจางลง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกมาเป็นเวลาเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:27 - ในวันที่เจ็ดถ้านักบวชไปตรวจดูคนๆนั้นอีก แล้วถ้าเห็นว่าแผลลุกลามไปบนผิวหนัง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง
- เลวีนิติ 13:28 - แต่ถ้าแผลนั้นยังอยู่แบบเดิมไม่ลุกลามออกไป และเริ่มจางลง มันเป็นเพียงแผลพุพองจากไฟไหม้ นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์ เพราะนั่นคือสะเก็ดแผลที่เกิดจากแผลไฟไหม้
- เลวีนิติ 13:29 - ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงมีแผลติดเชื้อบนหนังหัวหรือที่คาง
- เลวีนิติ 13:30 - แล้วนักบวชดูที่แผลติดเชื้อนั้น แล้วพบว่ามันกินลึกลงไปถึงเนื้อ และผมเริ่มบางลงและกลายเป็นสีเหลือง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคหิด เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังต่อหนังหัวและคาง
- เลวีนิติ 13:31 - ถ้านักบวชตรวจดูแผลหิดนั้น แล้วพบว่ามันไม่ถึงกับเป็นแผลลึกเข้าไปในหนัง และไม่มีผมสีดำในแผล นักบวชต้องแยกคนติดเชื้อคนนั้นออกจากประชาชนเป็นเวลาเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:32 - ในวันที่เจ็ดนักบวชจะมาตรวจดูแผลอีกครั้ง ถ้าเห็นแผลไม่ลุกลาม ไม่มีผมสีเหลืองๆในแผล อีกทั้งเชื้อหิดไม่ได้กินลึกเข้าไปในเนื้อ
- เลวีนิติ 13:33 - คนๆนั้นต้องโกนผมหรือหนวดทิ้ง แต่อย่าให้ถูกแผล แล้วนักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกมาเป็นเวลาอีกเจ็ดวัน
- เลวีนิติ 13:34 - ในวันที่เจ็ดนักบวชจะตรวจดูแผลหิดอีก ถ้าเห็นเชื้อไม่ลุกลามไปบนผิวหนังและไม่มีแผลกินลึกไปในเนื้อ นักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์ เขาต้องเอาเสื้อผ้าไปซักล้าง แล้วเขาจะกลายเป็นคนบริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:35 - แต่ถ้าเชื้อหิดนั้นเกิดลุกลามหลังจากที่นักบวชได้ประกาศว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์แล้ว
- เลวีนิติ 13:36 - นักบวชจะต้องตรวจสอบคนๆนั้น และถ้าพบว่าเชื้อหิดนั้นลุกลามกระจายไปบนผิวหนังจริง นักบวชไม่จำเป็นต้องตรวจหาผมสีเหลืองอีกต่อไป คนๆนั้นจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:37 - แต่ถ้าเชื้อหิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงและมีผมสีดำเกิดขึ้นในนั้น แสดงว่าเชื้อนั้นกำลังจะหาย คนๆนั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์และนักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:38 - ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงเกิดมีจุดขาวๆขึ้นเต็มตัว
- เลวีนิติ 13:39 - นักบวชต้องตรวจสอบดู ถ้าพบว่าจุดขาวเหล่านั้นเป็นเพียงสีขาวหม่นๆแสดงว่าเป็นผื่นคันธรรมดาที่ไม่เป็นอันตรายบนผิวหนัง และคนๆนั้นก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์
- เลวีนิติ 13:40 - ถ้าผู้ชายผมร่วงจนหัวล้าน เขาจะยังคงบริสุทธิ์อยู่
- เลวีนิติ 13:41 - ถ้าผมเขาร่วงจากด้านหน้าไปจนหัวเขาเถิก เขาจะยังคงบริสุทธิ์อยู่
- เลวีนิติ 13:42 - แต่ถ้าเกิดมีแผลออกสีแดงเรื่อๆเกิดขึ้นบนหัวหรือบริเวณที่ผมร่วงบนหน้าผาก มันคือโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดบนหัวและหน้าผาก
- เลวีนิติ 13:43 - นักบวชต้องตรวจดูแผลเหล่านั้น ถ้าพบว่ามีแผลสดเกิดขึ้นบนหัวหรือบนหน้าผาก ที่กลายเป็นสีแดงเรื่อๆและมีลักษณะเหมือนแผลของโรคผิวหนังชนิดอันตรายที่เกิดบนร่างกายแล้ว
- เลวีนิติ 13:44 - แสดงว่าชายผู้นั้นเป็นโรคผิวหนังอันตราย เขาคือคนที่ไม่บริสุทธิ์ นักบวชต้องประกาศว่าเขาคือคนไม่บริสุทธิ์ เพราะเขาติดเชื้อที่หัว
- เลวีนิติ 13:45 - ถ้าคนๆหนึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดอันตราย เขาต้องฉีกเสื้อผ้าตัวเองให้ขาดและต้องไว้ผมยาว และปล่อยให้หนวดยาวรุงรัง และคอยตะโกนว่า ‘ไม่สะอาด ไม่สะอาด’
- เลวีนิติ 13:46 - คนๆนั้นจะไม่บริสุทธิ์ตลอดเวลาที่เขายังมีแผลติดเชื้อ เขาจะเป็นคนไม่บริสุทธิ์ และต้องไปอยู่คนเดียวที่นอกค่าย
- 2 พงศาวดาร 26:19 - อุสซียาห์ซึ่งถือกระถางไฟอยู่ในมือโกรธ ในขณะที่เขากำลังโกรธพวกนักบวชที่อยู่ต่อหน้าเขาตรงหน้าแท่นบูชาเครื่องหอมในวิหารของพระยาห์เวห์นั้น หน้าผากของอุสซียาห์ก็เกิดเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงขึ้นมา
- 2 พงศาวดาร 26:20 - เมื่ออาซาริยาห์ที่เป็นหัวหน้านักบวชและพวกนักบวชคนอื่นๆมองดูอุสซียาห์ พวกเขาก็เห็นว่าเขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงที่หน้าผาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รีบนำตัวอุสซียาห์ออกมา ซึ่งจริงๆแล้วตัวเขาเองก็ตั้งใจที่จะออกมาอยู่แล้ว เพราะพระยาห์เวห์ได้ลงโทษเขาแล้ว
- 2 พงศาวดาร 26:21 - กษัตริย์อุสซียาห์กลายเป็นคนโรคผิวหนังร้ายแรงตราบจนวันตาย เขาอาศัยอยู่ในวังที่แยกออกมาต่างหากสำหรับคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง และถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ โยธามลูกชายของเขาทำหน้าที่ในวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้นแทนเขา
- โฮเชยา 9:12 - ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเลี้ยงลูกขึ้นมา เราก็จะพรากลูกๆของพวกเขาไป จนในที่สุด จะไม่เหลือพลเมืองสักคนเดียว เมื่อเราหันไปจากพวกเขา พวกเขาจะอับอายขายหน้า
- 2 พงศ์กษัตริย์ 5:27 - โรคผิวหนังร้ายแรงของนาอามานจะติดอยู่กับเจ้าและลูกหลานของเจ้าตลอดไป” แล้วเกหะซีก็ออกไปจากหน้าเอลีชา และเขาก็เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงขาวอย่างหิมะ
- เฉลยธรรมบัญญัติ 24:9 - จำสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำกับมิเรียม ในช่วงการเดินทางหลังจากที่พวกท่านออกมาจากอียิปต์